เศรษฐกิจมหภาค
HIGHLIGHT
หลักการที่เป็นหัวใจในการบริหารประเทศของพรรคเพื่อไทย คือ “เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส” พรรคเพื่อไทยจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ GDP เติบโตเฉลี่ยอย่างต่ำปีละ 5% โดยเพื่อไทยใช้แนวคิด “รดน้ำที่ราก” เพื่อให้ต้นไม้งอกงามทั้งต้น
นโยบายเพิ่มรายได้ภาคแรงงานและการจ้างงาน
ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี พ.ศ. 2570 ซึ่งนโยบายนี้ “ไม่ได้ใช้แรงงานเป็นตัวประกัน” แต่เราจะทำให้ เศรษฐกิจโตขึ้น และแบ่งผลกำไรเหล่านี้กลับไปให้ภาคแรงงาน โดยการตกลงร่วมกันของไตรภาคี (นายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐ) ตามหลัก “ทุนนิยมที่มีหัวใจ”
หลักการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจะพิจารณาจาก
- การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP)
- ผลิตภาพแรงงาน (Productivity)
- อัตราเงินเฟ้อ (Inflation)
เงินเดือนคนจบปริญญาตรีเริ่มต้นที่ 25,000 บาทต่อเดือน ภายในปี พ.ศ. 2570 รวมทั้งข้าราชการด้วย
คนไทย ไม่จนอีกต่อไป
ทุกครอบครัว มีรายได้ ไม่น้อยกว่า 20,000 บาท / เดือน
- ลดช่องว่างรายได้คนไทย ให้ทุกคนมีรายได้เพียงพอ ต่อ ”การดำรงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี”
- เราจะมีการสำรวจครัวเรือนทั่วทั้งประเทศเพื่อตรวจสอบรายได้และศักยภาพของประชาชนเพื่อให้ครอบครัวได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงพร้อมไปกับการสร้างรายได้ผ่านมาตรการต่างๆ ที่สำคัญคือ นโยบาย 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ Soft Power (OFOS)
- หากรายได้ของครัวเรือนต่ำกว่า 20,000 บาท/เดือนก็จะได้รับการเติมให้ครบ 20,000 บาท/เดือน จนกระทั่งครอบครัวมีรายได้เพียงพอ
- ผู้จะรับสิทธิ์จะลงทะเบียนผ่านระบบบนแพลตฟอร์ม Learn to Earn เพื่อเสริมทักษะและหางาน
- มีการลงทะเบียนและอัพเดตข้อมูลทุก 6 เดือนเพื่อดึงคนเข้าระบบ ไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลังและทำให้รัฐสามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างแม่นยำ
กระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่
เติมเงินให้ทุกคนระบบ ใช้จ่ายใกล้บ้านผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล เติมเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้ทุกคน ใช้จ่ายใกล้บ้าน 4 กิโลเมตร
พรรคเพื่อไทยมีความคิดทันสมัย และต้องการ “หยิบเงินในโลกยุคใหม่ใส่มือประชาชน” โดยการเตรียมพร้อมประเทศและประชาชนให้เข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยมาตรการหลายๆ อย่าง ที่จะดำเนินการไปพร้อมกัน แต่เนื่องจากสภาพปัจจุบันที่การแข่งขันทางเศรษฐกิจเราเดินตามไม่ทันประเทศเพื่อนบ้าน เราจึงต้อง “ปั๊มหัวใจ” ของประชาชนเป็นอันดับแรก จึงเสนอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ “ใช้จ่ายใกล้บ้านด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet)”
- คนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป จะได้ ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ (Digital Wallet)
- กระเป๋าเงินดิจิทัลจะมีอายุการใช้งาน 6 เดือนสำหรับจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุขโดยเฉพาะ ยาเสพติดและการพนัน และไม่สามารถซื้อของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้
- เงินดิจิทัลนี้จะใช้จ่ายได้ เฉพาะกับร้านค้าชุมชนและบริการที่ “อยู่ในรัศมี 4 กิโลเมตร” เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ชุมชน ส่วนในพื้นที่ห่างไกลจะมีการพิจารณาเป็นกรณีด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน
- ร้านค้าสามารถนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทได้กับธนาคารในโครงการในภายหลัง
- เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล ในระยะยาวเพื่อนำประเทศเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางของ FinTech
- กระเป๋าเงินดิจิทัลคือเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ไม่ใช่คริปโตเคอเรนซี่ ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ แต่เป็นเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไปในนั้น เพื่อนโยบายการคลังที่ตรงจุด ไม่มีความเสี่ยง ไม่มีการเก็งกำไร ไม่มีการถูกทุบ ไม่มีการขาดทุน ไม่สามารถแลกเปลี่ยนด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นได้ ไม่มีราคาตก-ราคาขึ้น เพราะทุกเหรียญมีค่าเท่าเงินบาทเสมอ รับประกันโดยรัฐบาล
- กระเป๋าเงินดิจิทัล ใช้ระบบ Blockchain มีความปลอดภัยสูงสุด สูงกว่าระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รู้เส้นทางการเงินทุกธุรกรรม รู้ผู้รับ รู้ผู้จ่าย เป็นระบบที่มีความโปร่งใสสูงสุด ตรวจสอบได้ทุกธุรกรรม
- ทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้จ่ายไปจะหมุนเวียนเข้ามาเป็นภาษีของรัฐบาลเพื่อเอา เงินไปสนุบสนุนประชาชนให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
นโยบายสร้างประเทศด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลผ่านเขตธุรกิจใหม่ (New Business Zone)
เขตเศรษฐกิจพิเศษและสิทธิประโยชน์ในการลงทุนที่รัฐบาลปัจจุบันได้ทำมา เป็นแค่คำพูดการตลาดที่จับต้องไม่ได้ และปัญหาหลักของประเทศไม่ได้ถูกแก้ไข การแก้กฎหมายช้าและทำไม่ได้จริง แต่พรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนทั้งหมดให้เป็น “โอกาสด้วยกุญแจ 3 ดอก ด้วยการสร้างเขตธุรกิจใหม่” เพื่อ “ดึงเงินนอก ปลุกเงินใน เปลี่ยนเงินที่หลับใหล เป็นเงินที่สร้างเงิน”
สร้างเขตธุรกิจใหม่ 4 แห่งเป็นพื้นที่นำร่อง ได้แก่ กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ ด้วยความพร้อมทางด้านมหาวิทยาลัย สนามบิน และโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมเพื่อขับเคลื่อน Start-ups และ SMEs สู่การสร้างรายได้ใหม่ให้แก่ประชาชน ด้วยกุญแจ 3 ดอก ดังนี้
กุญแจดอกที่ 1 “กฎหมายธุรกิจชุดใหม่” เพื่อเป็นการปลดล็อกปัญหาการทำธุรกิจของ Start-ups และ SMEs ในทุกมิติรวมถึงดึงเงินนักลงทุนจากต่างชาติ เข้าแก้ไขปัญหาด้านใบอนุญาตต่างๆ ปัญหาแรงงาน การนำเข้าส่งออก และการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ
กุญแจดอกที่ 2 “สิทธิประโยชน์ใหม่” ให้สิทธิในการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีนำเข้า จะไม่แพ้ที่ใดในโลก
กุญแจดอกที่ 3 “ระบบนิเวศทางธุรกิจใหม่” โดยการสร้างสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ระบบการศึกษาและการผลิตคนทำงานใหม่ ระบบธนาคารใหม่ เพื่อผลักดันให้ภาคเอกชนขับเคลื่อนได้
เพื่อไทยคิดใหญ่ พร้อมเปิด “เขตธุรกิจใหม่” (New Business Zone – NBZ)
พร้อมพรั่งด้วยทุกปัจจัยที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการและนักลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี เพราะรัฐบาลต้องเป็นผู้อำนวยการสร้างระบบนิเวศของการทำธุรกิจให้เข้มแข็ง เพื่อกระตุ้นตลาดแรงงานและยกระดับเศรษฐกิจทั้งระบบทั่วประเทศ โดยหัวใจสำคัญคือ การเปลี่ยน”รัฐอุปสรรค” ให้เป็น “รัฐบริการ” ผ่านการสร้างหลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่จะสนับสนุนการลงทุนให้ทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ ลดการคอร์รัปชันอย่างเต็มรูปแบบ
เขตธุรกิจใหม่จะเริ่มจากหัวเมืองก่อน อย่างภาคเหนือคือจังหวัดเชียงใหม่ เพราะมีสาธารณูปโภคพื้นฐานครบครันเป็นทุนเดิม และเมื่อธุรกิจในพื้นที่เติบโตก็จะกระจายไปสู่จังหวัดใกล้เคียง เช่น ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน ด้วยเช่นกัน อีกทั้งประชากรในจังหวัดรอบข้างเหล่านี้ก็จะมีทางเลือกในการทำงานที่ใกล้บ้านมากยิ่งขึ้น ทรัพยากรจะกระจาย ไม่กระจุกอยู่แค่ในกรุงเทพฯ อีกต่อไป
เขตธุรกิจใหม่ ลดอุปสรรค เพิ่มแรงจูงใจ ดึงดูดการลงทุน
– One Stop Service อยากติดต่อภาครัฐเรื่องไหนก็ครบจบที่จุดเดียว การขออนุญาตใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจต้องไม่ยุ่งยากซับซ้อน
– รัฐบาลดิจิทัล ทำธุรกรรมใดๆ ไม่ว่าจะชำระค่าธรรมเนียมหรือทำสัญญา ตลอดจนจัดเก็บเอกสารทุกอย่างบน Blockchain สะดวก โปร่งใส ไม่มีใต้โต๊ะ
– สร้างแรงจูงใจทางภาษี ให้เกิดการลงทุนในธุรกิจสมัยใหม่ เช่น ดิจิทัล เทคโนโลยีชีวภาพ (BioTech) เทคโนโลยีการเกษตร (AgriTech) เทคโนโลยีการแพทย์ (MedTech) เพื่อเพิ่มมูลค่าและประสิทธิภาพให้เศรษฐกิจภูมิภาค รวมถึงสร้างตลาดแรงงานรายได้สูง
–ที่ปรึกษาเฉพาะทาง จัดเตรียมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาด้านการทำธุรกิจและการลงทุนอย่างครบวงจร เขตธุรกิจใหม่
เริ่มในจังหวัดที่พร้อม และรัฐช่วยเสริมความพร้อม
– เริ่มในเมืองที่ง่ายต่อการใช้ชีวิต มีสนามบินนานาชาติ มีขนส่งสาธารณะ เชื่อมต่อระหว่างเมืองง่าย มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อม
– เริ่มในเมืองที่มีโรงเรียนนานาชาติ มีมหาวิทยาลัยเพื่อวิจัยและพัฒนา พร้อมพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้เป็นแรงงานที่มีทักษะ (Skilled Labors)
– เสริมความพร้อมด้วยการจัดคอร์สระยะสั้นเพื่อพัฒนาคน ให้คำแนะนำด้านธุรกิจ (Advisory, Consulting, Incorporation, Business Modelling) และบ่มเพาะธุรกิจ Funding, Mentoring, Alumni Network)
เขตธุรกิจใหม่ เพื่อเศรษฐกิจดียกแผง เศรษฐกิจดิจิทัลเฟื่องฟู
เมื่อพรรคเพื่อไทยเดินหน้าผลักดันเขตธุรกิจใหม่ ภาพมหานครใหญ่ตามหัวเมืองภาคต่างๆ จะไม่ใช่ภาพฝันแต่เป็นภาพจริง เงินจะสะพัดในท้องถิ่น ตลาดแรงงานจะขยายตัว พี่น้องประชาชนสามารถเลือกทำงานในจังหวัดบ้านเกิด ไม่ใช่แค่งานอะไรก็ได้ แต่เป็นงานที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความฝันเยาวชนไทย อีกทั้งเขตธุรกิจใหม่จะกลายเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมและสตาร์ทอัปสายเทคโนโลยี คนไทยสายเทคจะมีงานทำ และเขตธุรกิจใหม่จะเป็นศูนย์กลางของ Digital Nomad
นอกจากนี้ธุรกิจห้างร้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ล้วนจะมีรายได้เพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ของคนที่หลั่งไหลเข้ามาทำงานมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในจังหวัดที่เป็นเขตธุรกิจใหม่ แต่จังหวัดข้างเคียงก็จะได้รับประโยชน์อย่างถ้วนหน้า