“ชลน่าน” ถาม กระดาษ 5 หน้า ขอกู้ 5 แสนล้าน ไร้ค่า ไม่เห็นหัวประชาชน คนเสนอ พ.ร.ก.เงินกู้ฉบับนี้ให้สภา มีจิตสำนึกบ้างไหม?

(10 มิถุนายน 2564) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายสรุปปิดการพิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ยืนยันว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่สามารถให้ความเห็นชอบ พ.ร.ก.เงินกู้ฉบับนี้ โดยกล่าวว่า

  1. เคยอนุมัติ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทให้รัฐบาลไปใช้แก้ไขปัญหาโควิดก่อนหน้านี้ แต่กลับไม่สามารถระงับยับยั้งการระบาดของโรคได้ เยียวยาประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่ได้
  2. การออก พ.ร.ก.เงินกู้ครั้งนี้อาจไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน จนไม่สามารถหลักเลี่ยงได้ เพราะสามารถจัดสรรงบประมาณในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ให้อยู่ในงบประมาณปกติได้
  3. ประสิทธิภาพการใช้เงินกู้ในการแก้ไขปัญหา ผลตอบแทนและความคุ้มค่า มีตัวอย่างให้เห็นแล้วจากเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถระงับยับยั้งโรคระบาด เยียวยาประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่ได้ผล และ
    4.ทั้งความรู้ความสามารถ ประสิทธิภาพการทำงาน จึงไม่สามารถปล่อยให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯต่อไปได้ อีกการฟื้นฟูประเทศ พลิกฟื้นเศรษฐกิจ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนตัวผู้นำ จึงขอเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ แสดงความรับผิดชอบด้วยการยุบสภาหรือลาออกจากตำแหน่ง

นพ.ชลน่าน เริ่มต้นด้วยการพูดในฐานะประชาชนคนหนึ่ง เพื่อสะท้อนความรู้สึกของประชาชนในวันนี้ ที่ยากลำบาก ชีวิตไร้ความหวังและไม่รู้จะเดินต่อไปอย่างไร

พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ฉบับนี้มีเนื้อหาสาระไม่ได้แตกต่างจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่รัฐบาลเพิ่งกู้ไปไม่นานนี้เลย แต่ปรากฎว่าสาระสำคัญ 3 แผนงานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการระงับยับยั้งการระบาดของโรคโควิด การเยียวยาพี่น้องประชาชนและการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ กลับไม่สามารถตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาประเทศได้เลย การใช้จ่ายเงินไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ความคุ้มค่าและแก้ปัญหาไม่ได้

ในการอภิปรายที่ผ่านมา ‘สุทิน คลังแสง’ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เคยได้ชี้เอาไว้ว่า การที่รัฐบาลมาขอกู้เงินเพื่อไปใช้แก้ปัญหาโควิด ก็เหมือนการอนุญาตให้หมอชื่อประยุทธ์ มารักษาคนป่วย ที่เริ่มป่วยในปี 63 ตอนนั้นหมอใช้ยาแรง ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปิดประเทศ ปิดเมือง จนทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนัก กระทั่งเกิดโรคแทรกซ้อนมากมายโดยเฉพาะไปทำให้เศรษฐกิจล้มเหลว หมอคนนี้เลยมาขออนุญาตสภา กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อรักษาคนไข้ สภาก็อนุญาตไปเพราะเห็นว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วน มิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อให้ระงับยับยั้งการระบาดของโรค

 

3 กรอบที่รัฐบาลเสนอมา ใน พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เป็นเรื่องที่ดีมาก ไม่ว่าจะเป็น การเร่งระงับยับยั้งการระบาดของโรค การเยียวยาประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ในข้อเท็จจริงกลับไม่สามารถทำได้ ซึ่งเกี่ยวโยงมาถึง พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทฉบับนี้ เพราะกรอบการใช้เงินเป็นแบบเดียวกัน แล้วจะให้สภาอนุมัติการกู้เงินให้อีกได้อย่างไร ในเมื่อที่ผ่านมาคุณยังรักษาคนป่วยไม่ได้ แล้วเห็นได้ชัดว่า รักษาด้วยความประมาทเลินเล่อ ผิดพลาด ปล่อยให้มีการติดเชื้อซ้ำ เมื่อเดือนธันวาคม 2563
“เชื้อโรคเกิดการระบาดซ้ำครั้งที่สอง แต่หมอยังไม่สำเหนียก ไม่สำนึกเลยว่ามีเชื้ออยู่รอบบ้าน ผ่านไปไม่กี่เดือนก็เกิดการระบาดอีกเป็นครั้งที่สาม ที่เป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง เพราะไม่ปิดกั้นไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย เขินอายที่ตัวเองได้ทำผิดพลาดมาแล้วครั้งแรก จนกลายเป็นการปล่อยให้เชื้อแพร่กระจายไปทั้งประเทศ จนวันนี้ต้องกลายเป็นผู้ป่วยหนัก ต้องอยู่ในห้องฉุกเฉิน”

วันนี้พอผู้ป่วยอาการย่ำแย่ หมอคนเดิมก็มาขอกู้เงินอีก 5 แสนล้านบาท อ้างว่าจะไปใช้ในการรักษาโรคระบาดเดิมอีก เราจะเชื่อได้อีกหรือไม่และจะปล่อยไปอีกหรือไม่ เพราะเงินก้อนนี้ไม่ใช่เงินของเราแต่เป็นเงินของลูกหลานเราในอนาคต

ที่ผ่านมาหมอคนนี้ใช้เงินไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยเฉพาะด้านการป้องกันการระบาดของโรค ไม่ได้เสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้บุคลากรทางการแพทย์ ไม่ได้เตรียมพร้อม แต่เพิ่งจะมาทำเมื่อมีการระบาดครั้งที่สามนี้เอง

การบริหารจัดการวัคซีนก็ล้มเหลว รู้อยู่แล้วว่าวัคซีนเป็นทางออก กลับทำให้การประกาศวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติกลายเป็นภาระแห่งชาติ ระบบสุขภาพ โดนทำลายโดยมาตรการที่ไร้จิตสำนึก ไร้ทิศทาง ไร้การบริหารที่ถูกต้อง โยนภาระให้แพทย์และพยาบาลโดยไม่จำเป็น

การฟื้นฟูเศรษกิจจากเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทก้อนที่แล้วก็ได้แค่ 2% แล้วครั้งนี้มาขอกู้อีก 5 แสนล้านบาท มาฝันหวานว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 1.5% อย่างนั้นจะได้หรือ ทำแบบนี้เราควรอนุมัติให้กู้อีกหรือ

เหล่านี้คือสิ่งที่เกิดจาก หมอ ที่ชื่อ ประยุทธ์ เอาเงินก้อนแรก 1 ล้านล้านบาทของประชาชนไปใช้แล้ววันนี้จะมาให้เราอนุมัติให้กู้ก้อนที่สองอีก 5 แสนล้านบาท

เงินกู้ 5 แสนล้านบาทนี้ ไม่ควรเป็นเงินกู้ตั้งแต่แรก เพราะมีความสุ่มเสี่ยงที่ผลลัพธ์มันจะออกมาเหมือนเงินกู้ก้อนแรก แต่หากเอาเข้าสู่ระบบงบประมาณปกติจะมีประโยชน์มากกว่า ซึ่งสามารถทำควบคู่กันได้ แต่พลเอกประยุทธ์กลับไม่ทำ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและประชาชนจำนวนมากตั้งข้อสังเกต ถึงการที่จะมีผลประโยชน์แอบแฝงหรือไม่ ทั้งผลประโยชน์ทางการเมืองและผลประโยชน์ที่เป็นเม็ดเงิน

ความล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล จาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ ไม่เชื่อมั่นในความโปร่งใส เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ แล้ววันนี้ก็อาจจะมีการมาพูดถึงการขยับกรอบเพดานเงินกู้ของประเทศอีก ซึ่งสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะสร้างปัญหาวินัยการเงินการคลังและอาจเกิดความล้มเหลวทางการเงินการคลัง เพราะสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ในขณะนี้คือการกู้หนี้มาเป็นหนี้ ไม่ใช่กู้ทุน ซึ่งทำให้ลูกหลานของเราหวั่นวิตกในเรื่องนี้

หมอ คนเดิมคนนั้นรักษาคนไข้ไม่ได้ผล แต่กลับทำให้คนไข้อาการแย่ แต่ขณะนี้จะมาเอาเงินอีก 5 แสนล้านบาท เราก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ เราไม่อนุมัติให้ อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากตัวคนที่เป็นผู้นำ อาการที่ หมอ ชื่อ ประยุทธ์ แสดงออกมา โดยเฉพาะในการตอบโต้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวาน (9 มิ.ย.2564) ซึ่งทั้งขึ้นเสียง ถากถาง เยาะเย้ยและเจตนาเสียดสีสภาแห่งนี้ ลักษณะอย่างนี้ทำให้เราที่เป็นผู้อนุมัติ ให้ท่านเป็นหมอต่อไปได้
.
สองเดือนมานี้ มีคนต้องตายไปแล้วมากกว่า 1,300 ราย เจ็บป่วยอีกนับแสนราย วันนี้เราต้องบอกความจริงกับประชาชน รัฐบาลชุดนี้ขาดการบริหารข้อมูลที่เป็นจริง ไม่ยอมรับความจริงและไม่ฟังใคร ในทางการแพทย์จะมีโรคที่เรียกว่าโรคหลงตัวเอง Narcisisitic (นาซิซีติส) ที่จะมีความเชื่อมั่นตัวเองสูงและไม่ฟังใคร หากผู้นำมีลักษณะอย่างนี้จะพาประเทศไปสู่วิกฤต

“วันนี้สภาจะถอนใบอนุญาตเขาไหมครับ เพราะปัญหาเต็มไปหมดแล้วทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม โรคระบาดโควิดและโรคระบาดในสัตว์เราจะปล่อยไว้แบบนี้หรือ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ความล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ความบิดเบี้บวและการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ทำให้คนไทยเสียหายอย่างมาก”

วันนี้ฝ่ายค้านทั้งหมด ไม่รับ พ.ร.ก.เงินกู้ ฉบับนี้ การกู้เงินจำนวนมหาศาลที่มีกระดาษมาเพียง 5 แผ่น มันไม่เห็นหัว ไม่เห็นหน้าประชาชน คนที่ส่ง พ.ร.ก.เงินกู้ฉบับนี้มาให้สภาพิจารณามีจิตสำนึกบ้างไหม อีกทั้งเรามองไม่เห็นว่า หากอนุมัติให้ไปแล้วจะสามารถระงับยับยั้งโรคระบาด ไม่สามารถเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ และการจะยับยั้งโรคระบาดและฟื้นฟูเศรษฐกิจวันนี้ได้ จะต้องเปลี่ยนตัวผู้นำ พลเอกประยุทธ์ไม่ต้องมาขู่เรื่องยุบสภา ขอให้ยุบวันนี้เลย เพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาเลือกตัวผู้นำประเทศกันใหม่

วันนี้พลเอกประยุทธ์ ควรแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาด ล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศโดยเร็วที่สุด ด้วยการเปลี่ยนตัวเองออกจากตำแหน่ง ‘ลาออก’ สิครับ มันไม่ได้ยากเลย ถ้าลาออกจะเป็นคุณูปการต่อประเทศอย่างมาก หากยังดื้อดึงต่อไป ท่านอาจเป็นคนที่พี่น้องประชาชนเกลียดที่สุด หรืออาจถึงขั้นมีขนานนามว่าเป็นทรราช ออกเถอะครับ เพื่อบ้านเมือง