“พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ล็อกเป้า “ประยุทธ์ – อนุทิน” ตัวหลักบัญชีรายชื่อรัฐมนตรีถูกซักฟอก กำหนดยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 16 ส.ค.
11 สิงหาคม 2564 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านผ่านระบบซูม โดยมีแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านประกอบด้วย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย และ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมประชุม
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การหารือของพรรคร่วมฝ่ายค้านวันนี้ มีประเด็นสำคัญ คือ การเตรียมความพร้อมในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่าจะร่วมกันยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 16 สิงหาคม 2564 เวลา 09.30 น. ที่อาคารรัฐสภา
นายประเสริฐ กล่าวว่า สำหรับรายชื่อรัฐมนตรี ที่จะถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เบื้องต้นจะมีการอภิปรายรัฐมนตรีรวมทั้งสิ้นประมาณ 4-5 คน โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นหลัก ซึ่งประเด็นสำคัญในการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นเรื่องการบริหารจัดการสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ผิดพลาดซ้ำซากของรัฐบาล เป็นสาเหตุทำให้พี่น้องประชาชนยากลำบากและปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบของบุคคลในรัฐบาลรวมไปถึงบริวารแวดล้อม
นายประเสริฐกล่าวว่า นอกจากนี้ ในวันที่ 14 สิงหาคม 2564 หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะมีการหารือร่วมกันถึงรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อพิจารณาเอกสารหลักฐานและสรุปความชัดเจนเกี่ยวกับรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเพิ่มเติมทั้งหมด หากพบว่าการบริหารจัดการของรัฐบาล ซึ่งสร้างผลกระทบให้กับพี่น้องประชาชนมหาศาลเชื่อมโยงไปถึงรัฐมนตรีคนใด ก็จะดำเนินการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนนั้นไปด้วยเพราะถือว่าได้ร่วมกันสร้างผลกระทบความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน