“จักรพล” ชี้ 8 ปี พลเอกประยุทธ์ เศรษฐกิจไทยกินบุญเก่าด้านการท่องเที่ยว ถ้าไม่เปลี่ยนผู้นำอาจหมดบุญได้
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย แถลงว่า จากการที่พรรคเพื่อไทยได้ชี้เป้าบาดแผลที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ได้ทำไว้กับระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะแผลการท่องเที่ยวทั้ง 5 แผล เช่น การว่างงานในระยะยาวอาจปรับตัวสูงสุด รายได้จากภาคการท่องเที่ยวในอดีตหายไปมากกว่า 3.5 ล้านล้านบาท เป็นต้น โดยในวันนี้ชี้พรรคเพื่อไทยพร้อมเป้าเตรียมผ่าตัดครั้งใหญ่ให้กับรัฐบาลนี้ กับแผลเน่าที่รัฐบาลได้ทำไว้กับการท่องเที่ยวไทย หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการปิดประเทศและยกเลิก Thailand Pass ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะมาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย สหราชอาณาจักร ลาว และสหรัฐอเมริกา และมีแผนเตรียมกระตุ้นและขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวอย่าเต็มกำลังสูบ แต่แผนดังกล่าวจะใช้ได้ผลหรือไม่ หากยังมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อว่า ประยุทธ์ จันทร์โอชาอยู่
นายจักรพล กล่าวต่อว่า แผลเน่าทั้ง 5 จุดที่รัฐบาลได้ทำไว้มีดังนี้ แผลเน่าที่ 1 ผลกระทบจากการเปิดประเทศช้า เป็นแผลเป็นเก่าที่ทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศเสียหาย การพูดไว้และทำไม่ได้ตามแผนการเปิดประเทศ 120 วัน ทำให้ประเทศไทยเสียค่าโง่จากการตัดสินใจดังกล่าวไปมากกว่า 4.9 แสนล้านบาทในช่วงเวลาที่เปิดประเทศช้า แผลเน่าที่ 2 ค่าเหยียบแผ่นดิน หรือ ค่าอุปสรรคสำหรับการท่องเที่ยว ค่าเหยียบแผ่นดินที่ทำให้รัฐบาลถูกวิจารณ์มาโดยตลอด แต่สำหรับประเทศไทยอาจจะยังไม่เหมาะสม จำเป็นต้องดูเรื่องของต้นทุนการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว ทั้งค่าเดินทาง ภาษีต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวต้องจ่าย รัฐบาลจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบและฟังเสียงประชาชนให้มากกว่านี้ แผลเน่าใหม่ที่ 3 ตัวเลขนักท่องเที่ยวและรายได้ที่อาจจะหดหายไป จากแผนการทำงานที่ไร้วิสัยทัศน์ เมื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ได้นำเสนอโครงการ “เราฟื้นด้วยกัน” เพื่อเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบให้ได้ตามเป้าหมายปี 2565 โดยคาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้รวม 1.5 ล้านล้านบาท แต่ในความเป็นจริงแล้ว ควรที่จะตั้งเป้าหมายให้มากกว่านี้หรือไม่? การตั้งเป้าหมายต่ำทำให้การทำงานในโครงการดังกล่าวด้อยประสิทธิภาพหรือไม่? รัฐบาลจะทำได้ตามแผนไหม? เพราะที่ผ่านมารัฐบาลล้มเหลวมาตลอด ไม่เคยทำให้คนไทยสามารถลืมตาอ้าปากได้เลย ทั้งนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวปัจจุบัน ณ 31 กรกฎาคม 2565 อยู่ที่ 3.3 ล้านคน เหลือเวลาอีก 5 เดือนและนักท่องเที่ยวอีกประมาณ 6.7 ล้านคน แผลเน่าที่ 4 แผนการทำงานที่ไร้ความชัดเจน จากโครงการ “เราฟื้นด้วยกัน” โดยมีการขอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ ภายใต้วงเงิน 1,035.75 ล้าน ทั้งนี้หากไม่มีโครงการดังกล่าว มีการคาดการณ์ว่าจะทำให้รายได้การท่องเที่ยวหายไป 2.65 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18 ของคาดการณ์รายได้รวมจากการท่องเที่ยว 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก หากคิดจากจำนวนงบประมาณจำนวนกว่าพันล้านบาท แต่ได้ส่วนแบ่งรายได้เพียง 18% เท่านั้น นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังไม่มีแผนที่แน่นอนและชัดเจน เป็นการสกัดขาประชาชนครั้งแล้วครั้งเล่า และแผลเน่าสุดท้าย รอยช้ำเก่าที่รัฐบาลไม่เคยรักษาหาย ตั้งแต่ราคาน้ำมันตลอดจนถึงค่าครองชีพที่แพงขึ้น ถึงแม้ปัจจุบันรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวมามากมายเพียงได้ แต่หากรัฐบาลไม่เข้าใจปัญหาที่แท้จริง ไม่ฟังเสียงของประชาชน ยึดแต่ความคิดของตนเองเป็นหลัก ก็ไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น เพราะโครงการที่ปล่อยออกมา ล้วนเป็นช่วยเหลือแบบเฉพาะหน้า ไม่ได้เจาะทั้งระบบ ทำให้ผู้ประกอบการตกหล่นระหว่างทางเป็นจำนวนมาก ยังไม่รวมถึงพิษเงินเฟ้อ และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังปะทุอยู่และพร้อมที่จะขยายความรุนแรงมากขึ้น หากรัฐบาลยังไม่มีแผนป้องกันที่เหมาะสม ภาคการท่องเที่ยวคงต้องล้มอีกครั้ง
“แผลเน่าทั้ง 5 จุดนี้จะทำให้ประเทศไทยย้ำอยู่กับที่ ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ซักที อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อมั่นว่าบุคลากรในภาคการท่องเที่ยวทั้ง ราชการ ผู้ประกอบการ แรงงานมีความพร้อมที่จะเดินหน้าต่อ แต่หากคนคุ้มหางเสือยังเป็นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาอยู่ก็ยากที่จะพาประเทศไปต่อในทางข้างหน้าได้ เพราะพลเอกประยุทธ์ไร้ซึ่งความความรู้ ไม่มีความสามารถในการคิดต่อยอด ไม่มีการวางแผนในการเดินหน้าที่มีประสิทธิภาพ ไร้แผนการป้องกันที่เหมาะสม ทั้งหมดนี้มันทำให้สรุปได้ว่าประเทศไทยไม่ต้องการนายกรัฐมนตรีคนนี้อีกต่อไป เวลานี้ประชาชนคงทำได้แต่ภาวนาให้หมดวาระของพลเอกประยุทธ์ให้เร็วที่สุด แต่พรรคเพื่อไทยขอเป็นอีก 1 ขุมพลังที่จะช่วยขับไล่นายกฯ ท่านนี้และสร้างแสงสว่างให้กับประเทศไทยอีกครั้ง” นายจักรพลกล่าว