‘ตรีชฎา’ ยี้ ‘ทิพานัน’ ยกประยุทธ์สร้างมรดกแห่งความเจริญ จวก 8 ปีมีแต่ ‘ซากปรักหักพัง’ ที่รัฐบาลหน้าต้องแบกรับ
น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษก พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวพาดพิง ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยที่แสดงความกังวลประเทศไทยจะมีหนี้เพิ่มขึ้นและจะกลายเป็นมรดกบาป โดย น.ส.ทิพานัน ระบุว่า สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีดำเนินการนั้นมีแต่มรดกแห่งความเจริญรุ่งเรือง ให้กับประเทศ นั้น ถือเป็นอีกครั้งที่ น.ส.ทิพานัน ใช้ตำแหน่งหน้าที่รองโฆษกของรัฐบาล กินเงินเดือนจากภาษีพี่น้องประชาชน แต่ทำงานบกพร่อง หากไม่มีผลงานใดให้ชี้แจงก็ไม่ควรแกว่งเท้าหาเสี้ยนด้วยการพาดพิงบุคคลอื่นให้ได้รับความเสียหายด้วยความเท็จ การที่ น.ส.ทิพานัน ระบุว่า ‘มรดกแห่งความเจริญรุ่งเรือง’ ที่พล.อ.ประยุทธ์สร้างไว้ให้กับชาติบ้านเมืองที่พี่น้องประชาชนคนไทยจำได้ขึ้นใจ เห็นจะมีเพียง
1.การให้คำมั่นสัญญาว่าจะคืนความสุขให้คนไทย ขอเวลาอีกไม่นาน แต่ตอนนี้คนไทยรู้สึกว่านานเกินไปแล้ว และพบว่ามีแต่ความทุกข์มาตลอด 8 ปี
2.การที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น คนรู้ดีว่า การยึดอำนาจรัฐมีความผิดฐานกบฎ เป็นอาชญากรรมร้ายแรง น
ส.ทิพานัน เป็นนักกฎหมายน่าจะรู้ดี อีกทั้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่เกิดขึ้นภายหลังการรัฐประหาร ถูกเขียนขึ้นมาให้ ส.ว. สามารถโหวตนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่ น.ส.ทิพานัน สังกัดอยู่ ก็ยอมรับว่า เป็นรัฐธรรมนูญฉบับดีไซน์มาเพื่อพวกเรา การเข้าสู่อำนาจเช่นนี้ เอารัดเอาเปรียบคนอื่นและไร้ศักดิ์ศรีหรือไม่
3.การอยู่ในอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สร้างประวัติศาสตร์ที่ใครก็ยากที่จะลบเลือนได้หลายประการ อาทิ
-หนี้ครัวเรือนในสิ้นปี 2565 นักวิชาการคาดว่าจะอยู่ที่ 89.3% สูงสุดในรอบ 16 ปี
-หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 10.3 ล้านล้านบาท
-จำนวนคนจนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ อ้างอิงจากการลงทะเบียนรับบัตรคนจน อยู่ที่ 20 ล้านคน
-การใช้เงินงบประมาณรายประจำปี รวม 8 ปี รวมมากกว่า 23 ล้านล้านบาท
-การกู้เงินของ พล.อ.ประยุทธ์คนเดียว มากกว่า 5 ล้านล้านบาท กู้มากกว่านายกรัฐมนตรีของไทยทั้งหมดที่มี 28 คน นับตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา แต่ไม่ทำให้เศรษฐกิจ ปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้น
-ประเทศไทยฟื้นตัวหลังจากโรคโควิด-19 ล่าช้าและเติบโตช้าและต่ำสุดแทบรั้งท้ายในอาเซียน
-ดัชนีวัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันปี 2564 โดยองค์กรระหว่างประเทศ ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 110 จาก 180 ประเทศทั่วโลก ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ทั้งที่มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการป้องปรา มการทุจริต
น.ส.ตรีชฎา กล่าวอีกว่า นี่หรือคือมรดกแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่ พล.อ.ประยุทธ์มอบให้คนไทย แต่แท้จริงแล้วคือ‘มรดกแห่งซากปรังหักพัง’ ใช่หรือไม่
ส่วนกรณีที่ น.ส.ทิพานัน กล่าวพาดพิงโครงการรับจำนำข้าวนั้น น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า เป็นอีกครั้งที่คนของรัฐบาลยังคงหมกมุ่นอยู่กับจำนำข้าว โครงการนี้มีเจตนาที่ดีในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั่วทั้งประเทศ หลายครอบครัวมีบ้าน มีรถ จากโครงการนี้และยังคงคิดถึงโครงการรับจำนำเพราะชาวนาได้ประโยชน์ แต่น่าแปลกใจที่คนที่ไม่ใช่ชาวนากลับเอาแต่โจมตีโครงการ และหากเปรียบเทียบระหว่างงบประมาณโครงการรับจำนำข้าวไม่กี่แสนล้านบาทกับหนี้สาธารณะที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สร้างเอาไว้ถึง 10 ล้านล้านบาท น.ส.ทิพานันดูไม่ออกหรือว่าอะไรคือมรดกบาปกันแน่ ความจริง น.ส.ทิพานัน สามารถเข้าถึงข้อมูลภาครัฐได้โดยง่าย ก็ควรใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง อย่าบิดเบือนข้อมูลและทำให้มาตรฐานของการทำงานโฆษกรัฐบาลตกต่ำลง น.ส.ทิพานัน อายุยังน้อย หากกลับตัวกลับใจเปลี่ยนวิธีการทำงาน ให้เข้าใกล้กับคำว่ามืออาชีพบ้าง ก็อาจฉุดดึงให้ความน่าเชื่อถือของโฆษกรัฐบาลมีมาตรฐานที่สูงขึ้นได้บ้าง
“คงไม่สามารถพูดได้ว่าสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทิ้งไว้เป็นมรดก แต่เป็นซากปรักหักพังทางเศรษฐกิจใช่หรือไม่ เป็นความย่อยยับที่รัฐบาลหน้าต้องมาแบกรับแก้ไขปัญหา สภาพที่ประชาชนตกงาน ไร้ที่พึ่ง ข้าวของราคาแพง การใช้กฎหมายที่ล้นเกินจนทำให้ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส ไม่อาจเรียกว่าเป็นมรดก แต่เป็นความพังพินาศของประเทศ” น.ส.ตรีชฎา กล่าว