‘ลิณธิภรณ์’ ชี้ 8 ปี ‘ประยุทธ์’ ทำระบบตรวจสอบพัง ‘ปราบโกงแค่วาทกรรมรัฐบาลหน้ากากคนดี’ จี้เร่งรื้อทุจริตใต้พรม ตรวจสอบการโกงทุกระดับ
ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีการจับกุมอธิบดีกรมหนึ่งที่มีรายงานข่าวว่ามีพฤติกรรมเรียกรับเงินโยกย้ายตำแหน่งภายในหน่วยงานจากข้าราชการ อีกทั้งยังมีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินจากหัวหน้าหน่วยงานภาคสนาม คิดตามอัตราส่วนจากหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ได้ถูกปราบปรามอย่างที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเคยเป็นผู้นำจากการรัฐประหารที่ประกาศเสียงแข็งว่ายึดอำนาจเพื่อเข้ามาปราบโกง แต่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ‘ปราบโกงเป็นเพียงวาทกรรมของรัฐบาลหน้ากากคนดี”
ทั้งนี้ การจับกุมอธิบดีกรมดังกล่าวเป็นเพียงเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของการทจริตที่อยู่ใต้พรมมานานกว่า 8 ปี การทุจริตเชิงระบบจากการต่อรองเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและผลประโยชน์จึงเบ่งบานขึ้น หลายปีที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์นอกจากจะไม่จริงจังในการปราบโกงแล้ว ยังมีส่วนทำให้การตรวจสอบในรัฐราชการอ่อนแอและพังลง การทุจริตคอร์รัปชันจึงเพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่ที่พลเอกประยุทธ์เป็นผู้นำรัฐประหาร จนมาถึงปัจจุบัน ดัชนีชี้วัดคะแนนปลอดคอร์รัปชันในประเทศไทยที่จัดอันดับโดยองค์กร Transparency International พบว่า การรับรู้การทุจริตคอร์รัปชันในปี 2564 อยู่อันดับที่ 110 ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ในขณะที่รัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกวาทกรรมป้ายสีกล่าวหาว่าโกง นั้นในปี 2548 อันดับการประเมินจากองค์กรเดียวกัน การรับรู้การทุจริตอยู่ในอันดับที่ 59 ข้อเท็จจริงเชิงตัวเลขดังกล่าวนี้คือข้อพิสูจน์ที่ใครก็ไม่อาจปฏิเสธได้ พรรคเพื่อไทยพร้อมรับฟังเสียงของพี่น้องประชาชนหรือแม้ระดับข้าราชการชั้นผู้น้อย หากพบเห็นว่ามีการทุจริตคอร์รัปชัน สามารถส่งข้อมูลมาที่พรรคเพื่อไทยได้ เราพร้อมตรวจสอบและดำเนินการช่วยเหลือต่อไป
ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่พลเอกประยุทธ์ต้องทำ คือ
1.ตรวจสอบเส้นทางการได้มาซึ่งตำแหน่งของอธิบดีคนดังกล่าวอย่างละเอียด เป็นเด็กของใคร เติบโตในทางราชการอย่างสุจริตหรือไม่ เพราะมีการนำเสนอข่าวว่าอธิบดีคนดังกล่าวเป็นน้องชายของเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารของพลเอกประยุทธ์ จริงหรือไม่ และพี่ชายของอธิบดีคนดังกล่าวยังได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ด้วย
2.รัฐบาลและเจ้ากระทรวงทุกกระทรวงควรตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติม เพราะส่วนตัวเชื่อว่ากรณีในลักษณะเดียวกันนี้ ไม่ใช่กรณีเดียวในหน่วยงานราชการอย่างแน่นอน เพราะขนาดอธิบดียังขนาดนี้ คนระดับเจ้ากระทรวงจะขนาดไหน ประเทศจะเสียหายมากเท่าไหร่
“ปฎิรูปก็ล้มเหลว ปราบปรามการทุจริตก็ล้มเหลว นักการเมืองและกลุ่มทุนใหญ่จะไม่สามารถโกงคนเดียวได้หากไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกจากข้าราชการที่กระทำการทุจริต ในขณะที่ข้าราชการที่โกง จะหากินจากระบบได้โดยไม่ต้องอาศัยนักการเมืองหรือนักธุรกิจ ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าช่วงปลายปีกำลังเร่งทำผลงานหวังหาเสียงหรือไม่ เพราะอยู่ดีๆ ก็เร่งรัดให้จับกุมปราบปรามทุนจีนสีเทาและกลุ่มนายตู้ห่าว หรืออยู่ดีๆ ก็ให้เร่งตามตัวผู้ต้องหาขับรถชนตำรวจแล้วหลบหนี อยู่มา 8 ปีไม่ทำ เหตุใดจึงมาทำเอาตอนนี้” ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าว