เพื่อไทย กระตุกรัฐบาลลุกขึ้นมาแก้ปัญหา P.M.2.5 จริงจัง อย่าให้ลูกหลานและคนไทยตายผ่อนส่ง ถามตระหนักในความทุกข์ของประชาชนบ้างไหม?

นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเรียกร้องแบบแผ่นเสียงตกร่องแทนพี่น้องคนไทยในกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆ ที่ทุกข์ยากแสนสาหัสจากสถานการณ์ฝุ่น P.M.2.5 ที่อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัดหลายพื้นที่ทั่วไทยที่เลวร้ายลงทุกวัน  ซึ่งข้อมูลทางวิชาการชี้ว่าฝุ่นพิษนี้อาจนำไปสู่โรคร้าย กระทบต่อปอด หัวใจ สมอง และอาจมีผลกระทบในระยะยาวและไม่ปรากฎอาการในขณะนี้ ตนเรียกร้องให้รัฐบาลตื่นขึ้นมาแก้ปัญหาให้เป็นระบบและจริงจังกว่านี้ ได้เรียกร้องไปหลายครั้งแต่ยังไม่เห็นความตั้งใจจริงในการออกมาตรการและระดมสรรพกำลังเพื่อแก้วิกฤต ถ้าไม่เร่งแก้คนไทยนับแสนนับล้านจะได้รับผลกระทบ ประเทศจะสูญเสียทั้งต้นทุนทางสุขภาพ สังคม และการท่องเที่ยว

นายนพดล กล่าวต่อว่าจิตใจผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทำด้วยอะไร คิดถึงหัวใจ ปอด สมอง สุขภาพของเด็กแรกเกิดจนถึงคนชราที่ต้องเผชิญฝุ่นพิษตามยถากรรมวันแล้ววันเล่าบ้างไหม เรื่องนี้เป็นวิกฤตครั้งใหญ่ เป็นโศกนาฏกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ที่รัฐบาลต้องแก้ไข ต้องระดมหน่วยงานทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นเร่งแก้ปัญหาการเผาไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย แก้ปัญหาการเผาป่าหน้าแล้ง ร่วมมือกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควบคุมไซท์ก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม รถควันดำ โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่เข้มงวดผู้ปล่อยมลภาวะ นอกจากนั้นรัฐบาลได้เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นข้ามแดนไปอย่างไรบ้าง
 
“ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาฝุ่น P.M.2.5 ที่กระทบคุณภาพชีวิตคนไทยนับล้านในขณะนี้ พรรคเพื่อไทยเห็นเป็นความเร่งด่วน และเห็นว่าต้องไม่ปล่อยวิกฤตนี้ดำเนินไปตามยถากรรม คนไทยมีสิทธิหายใจอากาศสะอาด เรื่องนี้ต้องเป็นวาระแห่งชาติ พรรคมีเจตจำนงทางการเมืองอย่างแรงกล้าที่จะแก้ปัญหานี้ มีนโยบายชัดเจนที่ได้เคยเสนอไปเช่นห้ามเผาไร่เผาป่า ควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นเช่นไซท์ก่อสร้าง โรงงาน รถควันดำ เปลี่ยนใช้รถไฟฟ้า เจรจาประเทศเพื่อนบ้านลดเผา เดินหน้ากฎหมายอากาศสะอาดเป็นต้น และถ้าได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในการเลือกตั้งเข้าไปเป็นรัฐบาล จะแก้ปัญหาให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ จะเป็นรัฐบาลที่ขจัดความทุกข์ใจทุกข์กายของประชาน ไม่นั่งหายใจทิ้งไปวันๆแล้วปล่อยให้ปัญหาฝุ่น P.M.2.5 มันกัดกร่อนสุขภาพและชีวิตคนไทยไปเรื่อยๆ”