483,626 คนจะไม่ ‘ไร้รัฐ ไร้สัญชาติ’ ได้รับการคุ้มครองสิทธิ์ เช่นคนไทย ใช้เวลากว่า 10 ปี
ชวนอ่าน การพิสูจน์ที่ใช้เวลากว่า 10 ปี 483,626 คนที่ไร้รัฐ-ไร้สัญชาติ กำลังจะได้รับการคุ้มครองสิทธิ์ เช่นคนไทยทุกคนมนประเทศนี้
หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 29 ตุลาคม 2567 มีมติอนุมัติหลักการ เร่งแก้ปัญหาสัญชาติ ให้แก่คนกลุ่มชาติพันธุ์ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอ ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ที่รอการพิจารณากำหนดสถานะ จำนวน 483,626 คน กำลังจะได้รับสถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย (ใบสำคัญถิ่นที่อยู่ถาวร) หรือสัญชาติไทย ซึ่งประชากรจำนวนครึ่งล้านนี่ เป็นกลุ่มคนที่ตกค้างอยู่ในระบบราชการ เป็นพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินไทย มีประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ที่สมควรได้รับการสิทธิ์และการคุ้มครอง เช่นเดียวกับประชาชนคนไทยทุกคน
นางสาวปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ… กล่าวว่า ที่ผ่านมาการพิสูจน์สิทธิ์เพื่อขอสัญชาตินั้นใช้ระยะเวลานานกว่า 10 ปี การลดขั้นตอน และระยะเวลาการให้สัญชาติในครั้งนี้จึงเป็นหมุดหมาย และแรงใจสำคัญต่อกลุ่มประชาชนชนกลุ่มน้อย และกลุ่มชาติพันธุ์ ที่จะนำไปสู่การขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ และทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพที่ขับเคลื่อนประเทศไทย
ทั้งนี้ นางสาวปิยะรัฐชย์ ยืนยันว่าการเร่งรัดระยะเวลาการให้สัญชาตินั้น ไม่ได้ลดประสิทธิภาพการทำงานของรัฐ หรือทำให้การสวมสิทธิ์เกิดง่ายขึ้น เพราะกระทรวงมหาดไทยมีการเตรียมระบบพร้อมกับศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรที่ช่วยพิสูจน์หลักฐานร่องรอยการตั้งถิ่นฐาน เพื่อให้เกิดการตรวจสอบที่แม่นยำ เป็นไปตามเกณฑ์ ณ ที่ประชุมครม. กำหนดไว้
นอกจากนี้ นางสาวปิยะรัฐชย์ ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้า ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ… ก้าวแรกแห่งโอกาส ให้กลุ่มชาติพันธุ์ได้มีบทบาทและพื้นที่ในการสร้างสังคมพหุวัฒนธรรมให้เข้มแข็ง ที่แม้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่คาดว่าจะได้บรรจุญัตติสภาผู้แทนฯ พิจารณาอีกครั้งภายในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องชาติพันธุ์ทุกคน พร้อมกับกลุ่มที่จะได้รับสัญชาติ ถือว่าเป็นปีแห่งประวัติศาสตร์การขับเคลื่อนของกลุ่มชาติพันธุ์
พรรคเพื่อไทย พร้อมเป็นกำลังหลักในการผลักดันสิทธิ์อันพึงมีให้กับคนไทยทุกกลุ่ม ช่วยสร้างรากฐานความเป็นพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็งให้กับประเทศไทย ได้มีโอกาส มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไปพร้อมกัน