ปลดล็อคตลาดผูกขาด
เปิดโอกาสรายย่อย
HIGHLIGHT
- ปฏิรูปวงการส่งออกข้าวไทย ทลายกำแพงทุนข้าวผูกขาด กระจายความมั่งคั่งถึงมือชาวนาไทย ด้วยการปลดล็อกข้อจำกัดทางกฎหมาย
- ตรวจสอบโครงสร้างค่าไฟฟ้า อาหารสัตว์ สุรา ที่กฏหมายเป็นต้นทุนสำคัญด้วย
การผูกขาดทุกชนิด ไม่ว่าจะโดยภาครัฐและภาคเอกชน เป็นการเพิ่มต้นทุนให้พี่น้องประชาชน ทำให้พี่น้องประชาชนยากจนลง
การทลายทุนผูกขาด จำเป็นต้องทำหลายมิติ ประเด็นแรก เรื่องข้าว กฎหมายควบคุมตั้งแต่ปี 2489 สมัยสงครามโลก 2 กำหนดให้ข้าวเป็นยุทโธปกรณ์ ห้ามส่งออกโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะมีการแก้ไขกฎหมายในปี 2522 แต่กฎหมายยังล้าสมัยและยังส่งผลมาถึงปัจจุบัน รัฐบาลจึงจะปลดล็อก ทำให้เกษตรกรทุกคน ผู้ประกอบข้าวรายเล็ก SME สามารถส่งออกข้าวไปทั่วโลกได้ ค้าข้าวไทยออนไลน์ไปทั่วโลก ข้าวเป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างสำคัญ ที่จะปลดล็อก ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องตรวจสอบโครงสร้าง เพื่อกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจให้ถึงมือประชาชนทุกคน
นอกจากนี้ จะมีการตรวจสอบโครงสร้างค่าไฟฟ้า อาหารสัตว์ สุรา ที่กฏหมายเป็นต้นทุนสำคัญด้วย หากมีรัฐวิสาหกิจหรือเอกชนส่วนไหนผูกขาดด้วยเงื่อนไขทางกฎหมาย จะมีการปรับแก้ไข เช่น เรื่อง สุราชุมชน เป็นต้น
1. ปรับกติกา
ลดขั้นตอนการขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการส่งออกข้าว จากเดิมการส่งออกข้าวมีเงื่อนไขว่าผู้ส่งออกข้าวทั่วไป หรือข้าวกระสอบใหญ่ ต้องมีสต็อกข้าว 500 ตัน หรือประมาณ 20 ตู้คอนเทนเนอร์ ตามประกาศฯ ฉบับที่ 150 ปี 2560 เรื่อง ให้ผู้ประกอบการค้าข้าวขออนุญาต ประกอบการค้าข้าวฯ โดยอำนาจของคณะกรรมการปฏิบัติการตาม พ.ร.บ. การค้าข้าว พ.ศ. 2489 ห้ามส่งออกโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยนำมาปรับใหม่ ด้วยการ “ปรับลดการกำหนดสต๊อกข้าวส่งออก” ด้วยการแก้ไขประกาศฯดังกล่าว จากเดิมต้องมีสต็อกข้าว 500 ตัน ก็ลดลงให้น้อยลง (โดยมีการกำหนดกลไกในการติดตามและเฝ้าระวัง)
2. ปรับขั้นตอนการขออนุญาต
จดทะเบียน สามารถดำเนินการทางออนไลน์ได้ เพื่อลดต้นทุน ประเด็นของเรื่องนี้คือการทำให้เกษตรกร สามารถขายข้าว ส่งออกข้าวได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องผ่านตัวกลาง
3. สร้าง New Products
วงการข้าวไทยในตลาดโลก โดยส่งเสริมการปลูกและการตลาดเป็นระบบ เช่น ข้าวพื้นนุ่มเพื่อแข่งขันกับข้าวเวียดนาม และข้าวเพื่อสุขภาพ เจาะตลาดเฉพาะ เช่น ข้าวอินทรีย์และข้าวน้ำตาลต่ำ ข้าวพื้นเมือง (Specialty Rice) เป็นต้น