สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552-2563 ว่าประเทศไทยมีต้นทุนน้ำใต้ดินสูงมากถึง 1.2 ล้านล้านลูกบาศก์เมตร แต่เรากลับใช้ประโยชน์ได้เพียงแค่ 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะที่หน่วยงานที่ดูแลโดยตรงคือกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ก็จะมีแต่งานวิจัยแต่ไม่สามารถนำมาใช้จริงได้ จึงแนะนำว่าควรเปลี่ยนจากที่เอาเงินงบประมาณไปจ้างเอกชนขุดสำรวจ ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ขุดสำรวจเอง เพราะกรมฯ มีทั้งวิศวกร เครื่องมือขุดเจาะ ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากจะสำรวจน้ำบาดาลใต้ดินได้เองแล้วยังเป็นองค์ความรู้ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเองโดยไม่ต้องไปจ้างเอกชนอีกด้วย

.

นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี กล่าวว่า วันนี้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับน้ำบาดาลจำนวนมากแต่งานวิจัยดังกล่าว กลับถูกขึ้นหิ้ง จึงต้องถามกันตรงๆ ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นคุ้มค่า เกิดประโยชน์กับประชาชนหรือไม่ เพราะสิ่งที่น่ากังวลคือ บางโครงการทำแล้วทำอีก ทำเพื่อสักแต่ใช้เงินงบประมาณ ซึ่งเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ตั้งขึ้นมาและใช้จ่ายเงินในระดับกรม จึงฝากข้อสังเกตไปว่า คณะกรรมการเวลาอนุมัติเงินจะต้องคิดพิจารณาให้รอบคอบ นี่เป็นเด็นแรก

.

ประเด็น ถัดมา น้ำบาดาลอยู่ใต้ดิน แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าอยู่ตรงไหน แต่เรามีข้อมูลวิชาการแล้วว่า น้ำใต้ดินมีมากกว่าน้ำบนดินมหาศาล ซึ่งคาดว่าน่าจะมีมากถึง 1.2 ล้านล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งมากกว่าน้ำผิวดินที่หมายถึงน้ำบนดินที่เราเห็นไม่ว่าจะเขื่อน สระ แม่น้ำ น่าจะมีแค่ 7 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร แต่เราไม่มีทางรู้ว่าน้ำอยู่ตรงไหน นี่คือหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลต้องไปสำรวจว่า ปริมาณน้ำมหาศาล 1.2 ล้านล้านลูกบาศก์เมตรนี้อยู่ตรงไหนบ้าง เราต้องไม่เอาเงินนี้ไปใช้เรื่องอื่นแต่ต้องเอาเงินนี้ไปใช้กับการสำรวจหาน้ำบาดาลซึ่งผมไม่เคยเจอโครงการเหล่านี้เลย  เพราะถ้าเราไปหาน้ำใต้ดินเหล่านี้เจอเราจะไม่ต้องไปสร้างเขื่อนสร้างอ่างเก็บน้ำอีก

.

“กรมทรัพยากรน้ำต้องตอบให้ได้ว่า มีน้ำใต้ดินอยู่ตรงไหน ถามท่าน ท่านก็บอกให้ไปดูแผนที่  ก็เงินจ้างเขาทำแผนที่ 2 พันล้านนั้นใช้ได้จริงไหม เจอน้ำจริงไหมหรือเจอแค่บางส่วน ดังนั้นแนวทางที่ดีที่สุดคือกรมฯ ต้องเจาะสำรวจเอง เรามีนักสำรวจ มีเครื่องมือ มีนักวิชาการ มีผู้เชี่ยวชาญ และเมื่อท่านขุดเจาะหาเจอน้ำใต้ดิน ท่านจะได้ทั้งน้ำและความรู้วิชาการก็จะอยู่กับท่านเองไม่ใช่ไปอยู่กับภาคเอกชนที่ไปรับจ้างขุดที่เขาเอาแต่เงินงบประมาณ” นายศักดิ์ดา กล่าว

.

นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี เริ่มกล่าวว่าประเทศไทยมีน้ำบาดาลกักเก็บอยู่ใต้ดิน ปริมาณทั้งหมด 1 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ปริมาณน้ำบาดาลที่เราสามารถนำมาใช้ได้จริงๆ  อยู่ที่ 6 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร แต่มีการสำรวจกันว่าทุกวันนี้ มีการนำน้ำใต้ดินหรือน้ำบาดาลมาใช้กันประมาณแค่ 1.4 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีเท่านั้น จึงอยากให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้หาวิธีหรือขยายการดำเนินการให้สามารถดึงน้ำเหล่านี้ขึ้นมาใช้ เพราะบ้านเราโดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่อยู่ในชนบทจังหวัดห่างไกล ได้ช่วยกันขยายการสำรวจขุดเจาะน้ำบาดาล เพื่อช่วยเพิ่มบ่อน้ำบาดาล โดยคำนึงถึงขนาดบ่อกับจำนวนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 

.

ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่สำคัญที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล จึงต้องทำให้ครบวงจร ตั้งแต่ทำวิจัย ขุดเจาะน้ำบาดาล จนถึงการสำรวจและพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลให้เหมาะสมกับลักษณะภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ก็จะช่วยให้พี่น้องได้รับประโยชน์สูงสุด

.

ด้านนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่วันนี้เราต้องมารับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552-2563 นั้นหมายถึงเราต้องมาฟังสิ่งที่ย้อนหลังไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ทั้งที่ปีนี้คือปี 2568 แต่อย่างไรก็ตามเรื่องผ่านไปแล้ว จึงต้องขอฝากผู้รับผิดชอบได้กลับไปพิจารณาว่าในปีถัดไปควรจะเป็นข้อมูลที่อัพเดทปีต่อปีให้มากขึ้น 

.

#พรรคเพื่อไทย #น้ำบาดาล