นายกรัฐมนตรีสั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ‘บุหรี่ไฟฟ้าต้องหมดไป’ สั่งการด่วน ให้ รมต.สำนักฯ จัดการเร่งด่วน ตั้งเป้าต้องรายงานในวันที่ 15 มีนาคมนี้ ชี้ต้องแก้กฎหมายเอาผิดให้หนักขึ้นทั้ง ขรก. ที่ละเว้นไม่ดำเนินการจนเด็กและเยาวชนติดกันงอมแงม

.

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในการประชุม เรื่องปัญหาการขายบุหรี่ไฟฟ้าทั่วประเทศว่า ได้รับทราบรายงานการจับกุมร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ สน.คันนายาว และ สน.โคกคาม กรุงเทพมหานคร และรายงานธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าทั่วประเทศ โดยสั่งการว่าในการควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งปัจจุบันมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของเยาวชน นักเรียน และนักศึกษา โดยที่ผ่านมาได้มอบหมายให้ทาง ก.คลัง ก.พาณิชย์ ก.มหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปราบปรามปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดนั้น แต่กลับพบว่าปัญหาดังกล่าวก็ยังไม่หมดไปและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น 

.

นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ นางสาว จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการนจัดการกับบุหรี่ไฟฟ้า ออกกวาดล้างจับกุม และการแก้ไขปัญหาระยะยาวโดยให้ เร่งแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีบทลงโทษที่ชัดเจนและรุนแรงมากยิ่งขึ้น และขอให้กลับมารายงานต่อนายกรัฐมนตรีภายใน 15 วัน

.

นอกจากนี้ นอกจากนายกรัฐมนตรีจะมีความห่วงใยในเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า แล้ว สส.พรรคเพื่อไทย ยังลงพื้นที่ดูแลนักเรียนผู้เจ็บป่วยจากปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ยกตัวอย่างเช่น นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ ในฐานะประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร  ได้เปิดเผยว่า ตนได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลสตึก อำเภอสตึก และโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์  เพื่อเยี่ยมนักเรียน 6 คนที่เข้ารักษาตัว ด้วยอาการปอดอักเสบจากการสูบบุหรีไฟฟ้า ซึ่งเป็นกระแสมาก่อนหน้านี้ ปรากฏว่ามีนักเรียน เข้ามารับการรักษาตัวจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า เป็นรายที่ 7 แล้ว โดยนักเรียนหญิงคนดังกล่าว อายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น มัธยมปีที่ 2 มาโรงพยาบาล ด้วยอาการเหนื่อยหอบ หายใจไม่อิ่ม ซึ่งได้เปิดเผยข้อมูลว่าสูบบุหรี่ไฟฟ้ามาแล้ว 2 ปี ซื้อบุหรี่ไฟฟ้าชนิดนี้ใช้แล้วทิ้ง ราคา 380 บาท โดยจะสูบทุกวัน กระทั่งสามวันก่อน มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจไม่อิ่มจึงได้มานอนโรงพยาบาล แพทย์โรงพยาบาลสตึก ได้ให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด

.

นายแพทย์ทศพร  กล่าวว่า จากนั้นได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรสตึก อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ เพื่อเข้าเยี่ยมเด็กนักเรียน ซึ่งมีคุณยายเฝ้าอยู่อย่างใกล้ชิด น้องเป็นเด็กนักเรียนหญิง อายุ 12 ปี เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีอาการเหนื่อยหอบ นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลสตึก อยู่สามวัน เมื่อวาน มีไข้ อาเจียน โรงพยาบาลสตึก จึงได้ส่งตัวมาที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ โดยตนได้ให้กำลังใจให้ดูแลสุขภาพ

.

นายแพทย์ทศพร กล่าวว่า โรงเรียนครูอาจารย์และผู้ปกครองต้องดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด และให้ความสำคัญกับชีวิตประจำวัน ไม่ปล่อยให้เด็กและเยาวชนเข้าใกล้ยาเสพติด นอกจากนี้ทางตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ต้องเข้มงวดในการบังคับใช้กฏหมายกับยาเสพติดทุกประเภท ซึ่งในส่วนของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร จะพยายามทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ในการป้องกันไม่ให้บุหรี่ไฟฟ้าทำอันตรายต่อประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ รวมทั้งพยายามให้ผู้ที่สูบบุหรี่อยู่ได้เลิกสูบบุหรี่เพื่อชีวิตและสุขภาพที่ดี 

.

#พรรคเพื่อไทย #บุหรี่ไฟฟ้า