นายกฯ ลงพื้นที่ชายแดนปอยเปต ลุยแก้ปัญหาปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำ ‘ไม่จบ ไม่เลิก’ ใช้ยาแรงมาตรการระเบิดสะพานโจร เร่งคืนความปลอดภัยให้ประชาชน คืนความมั่นคงให้ประเทศ

.

วันที่  28 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องประชุม ร.12 พัน.3 รอ. อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือประเด็นการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมออนไลน์

 .

นายกรัฐมนตรีและคณะ รับฟังรายงานสถานการณ์ภาพรวมการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์จากผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่ผ่านมาได้ดำเนินการระงับเสารับส่งสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ตามแนวชายแดน โดยมีระยะทางเริ่มตั้งแต่บริเวณอำเภอตาพระยา อำเภอโคกสูง อำเภออรัญประเทศ ไปสิ้นสุดที่อำเภอคลองหาด รวม 4 อำเภอ มีเสารับส่งสัญญาณ จำนวน 118 เสา อนุญาต จำนวน 70  เสา ยังไม่ได้อนุญาต 48 เสา รวมทั้งการระงับบัญชีม้าและการจัดการที่พักผิดกฎหมาย ที่พักจอดรถ รับฝากรถ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงสำหรับการลักลอบพาคนข้ามแดนในพื้นที่ชายแดนสระแก้ว  

.

โดย ในวันพรุ่งนี้ (1 มีนาคม 2568) สถานกงสุลใหญ่ ณ จังหวัดเสียมราฐ ได้อำนวยความสะดวกในการส่งตัวคนไทย 119 คน ที่อาศัยอยู่ในกรุงปอยเปต กลับประเทศไทย โดยจะนำส่งไปยังศูนย์คัดกรองตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) จังหวัดสระแก้ว เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

.

ส่วนมาตรการซีลพื้นที่ชายแดนภายใต้เขตรับผิดชอบของ ทภ. 1 ตามนโยบาย Seal Stop Safe นั้น มีสถิติการจับกุมลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย ย้อนหลัง 3 ปี (ปี 66 – ปัจจุบัน) พบว่ามีสถิติการจับกุมลดลง 40 เปอร์เซ็นต์ โดยในเดือน ก.พ. 68 ได้จับกุมผู้กระทำความผิด และมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวน 13 ครั้ง ผู้ต้องหาชาวไทย 25 คน ชาวจีน 3 คน และชาวอินโดนีเซีย 1 คน 

.

ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าจากนโยบายของรัฐบาลที่ให้ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและงดจ่ายน้ำมันนั้น พบว่าปัญหาการถูกหลอกลวงลดลง 30 เปอร์เซ็นต์  นอกจากนี้ กสทช. ได้ระงับบริการโทรคมนาคมบริเวณชายแดน “ยุทธการล้มเสา ตัดสาย ทำลายซิม” ในพื้นที่ 4 อำเภอเสี่ยง พร้อม 6 แนวทางการปฏิบัติ ได้แก่ 1) จุดตรวจตรวจค้นบุคคล – ยานพาหนะ 2) ตัดเส้นทางการข้ามแดนแบบผิดกฎหมายอย่างเข้มข้น 3) ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ผิดกฎหมาย 4) ตัดสัญญาณโทรศัพท์ที่รั่วไหลไปยังประเทศเพื่อนบ้าน 5) ตรวจสอบโรงแรม 6) ตรวจสอบบ้านเป้าหมาย

.

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในที่ประชุม ดังนี้

.

1. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ สำนักงาน กสทช. ติดตามเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ต สัญญาณสื่อสาร รวมทั้งซิมโทรศัพท์ อย่าให้ถูกมิจฉาชีพนำไปใช้หลอกลวงประชาชน และตรวจสอบสัญญาณที่ตัดไปแล้ว อย่าให้มีการติดตั้งขึ้นมาใหม่อย่างเด็ดขาด 

.

2. ให้หน่วยงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง กวดขันเรื่องการเข้าออกบริเวณแนวชายแดน เฝ้าระวังการลักลอบนำคนหรืออุปกรณ์ใด ๆ เข้าออกตามแนวชายแดน โดยเฉพาะตามช่องทางธรรมชาติ และต้องมีการทำงานด้านการข่าวกับคนในพื้นที่และประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของการจับกุมหรือการเดินทางเข้ามาของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการการปราบปรามของรัฐบาล 

.

3. ให้ทหาร ตำรวจ ศุลกากร ฝ่ายปกครอง ตรวจสอบคัดกรองด้วยความรอบคอบว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำความผิด ผู้ใดเป็นเหยื่อ และต้องมีบันทึกการจับกุมอย่างชัดเจน

.
4. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่รับผิดชอบประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านในกรณีที่มีการส่งกลับ ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ที่ถูกส่งกลับแล้วจะต้องส่งตัวต่อไปยังประเทศที่สาม ขอให้มีความชัดเจนในการส่งตัวกลับไปยังประเทศปลายทางในทันที พร้อมทำบันทึกเป็นหลักฐานเพื่อป้องกันการกลับเข้ามากระทำผิดซ้ำในประเทศไทยด้วย

.

5. ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง กองกำลังป้องกันชายแดน และหน่วยงานด้านความมั่นคง เพิ่มมาตรการคัดกรองและตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้าออกประเทศอย่างเข้มงวด การควบคุมเส้นทางการลักลอบเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติที่ผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการอาชญากรรม เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบด่านชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา เมียนมา ลาว และมาเลเซีย

.

6. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ช่วยดูการเข้มงวดในมาตรการแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์ด้านต่าง ๆ อย่าให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ไม่ใช่แค่จังหวัดสระแก้วเท่านั้น แต่เป็นทุกพื้นที่ที่เข้าไปดูแล พออันตรายลดลง ก็ไม่อยากให้ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเดือดร้อนหรือได้รับความลำบากเพิ่มเติม  

.

“ฝากทุกหน่วยงานช่วยกันดูเรื่องความสะดวกของประชาชนด้วย นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว เรื่องของความสะดวกสบายของชีวิต ก็ไม่อยากให้เสียไป หากจะต้องใช้เทคโนโลยีอะไรเพิ่มเติม ขอให้ทุกฝ่ายดำเนินการศึกษาเพิ่มเติมว่าประเทศเพื่อนบ้านหรือประเทศอื่น มีเทคโนโลยีอะไรที่ควรใช้ และเราสามารถนำมาปรับใช้ได้เลยในประเทศ ก็จะดีมากๆ” นายกรัฐมนตรีกล่าว

.

ต่อมา นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมศูนย์คัดกรองตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ จังหวัดสระเเก้ว (National Referral Mechanism – NRM) ใช้เป็นศูนย์คัดแยกเหยื่อขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นกลไกที่ถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยขั้นตอนของ 

.

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของด่านพรมแดนบ้านคลองลึก และติดตามการดำเนินการตัดสายสัญญาณการสื่อสารบริเวณด้านหลังสถานีรถไฟคลองลึก และการลดสัญญาณการสื่อสาร 

.

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รายงานถึงมาตรการในการคัดกรอง ป้องกันไม่ให้มีการลักลอบไปทำงาน ณ ประเทศกัมพูชา โดยการคัดกรองการเดินทางเข้า – ออกประเทศกัมพูชา  ต้องผ่านด่านเจ้าหน้าที่ช่องตรวจ ถ้าเจ้าหน้าที่ช่องตรวจไม่ให้ผ่าน จะส่งตัวไปที่ ร้อยเวรฯ สัมภาษณ์ และหากไม่ผ่าน จะถูกส่งไปยังสืบสวนหน้าด่าน ซึ่งเป็นด่านสุดท้ายเพื่อคัดกรอง หากไม่ผ่านอีกจะถูกยกเลิกการเดินทางและเก็บประวัติ แก้ไขในระบบ Biometric 

.

ภายหลังรับฟังบรรยายสรุป นายกรัฐมนตรีสอบถามเรื่องระบบการตรวจสอบสัมภาระ (X-ray)  พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทยอยติดตั้งเครื่องตรวจสอบสัมภาระ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ  จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ตรวจสอบการจัดการสายสัญญาณสื่อสาร โดยได้สอบถามถึงเรื่องการตัดสัญญาณโทรศัพท์ รวมทั้งระยะการดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคมนี้ 

.

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามวิธีการรื้อสาย ว่าจะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ และตรวจสอบคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์ โดยได้สอบถามถึงวิธีการทำงานด้วยความสนใจ ทั้งนี้ ก่อนเดินทางกลับประชาชนชาวสระแก้วได้มอบดอกกุหลาบสีแดง เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่นายกรัฐมนตรี

.

#พรรคเพื่อไทย #ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์