สส.เพื่อไทย โดย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ และนายนพพล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ ร่วมอภิปรายและตั้งข้อสังเกตถึงร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ในหลายมาตรา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในมาตรา 23 แก้ไขมาตรา 27 (3) เรื่องการห้ามจำหน่ายในสถานที่ราชการ และในมาตรา 23/3 แก้ไขมาตรา 29 เรื่องข้อห้ามการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า การเขียนกฎหมายจะต้องมีความชัดเจน และต้องดูให้ละเอียด พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการเขียนกฏหมายในร่างดังกล่าวนี้ เขียนหยุมหยิมเกินไปจนน่ากังวลว่าในทางปฏิบัติ จะใช้บังคับได้จริงหรือไม่

.

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ กล่าวถึงร่างในมาตรา 23 ที่แก้ไขมาตรา 27 (3) แห่ง พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปี 51 โดยให้ใช้ข้อความนี้แทน “สถานที่ราชการให้ยกเว้นบริเวณที่จัดไว้ สโมสร หรือบริเวณที่จัดไว้เพื่อการอื่นตามที่ผู้ประกาศกำหนด โดยนายวรวัจน์ ตั้งข้อสังเกตในมาตรา 27 (3) ต่อคำว่า “สถานที่ราชการ” ในบทบัญญัติดังกล่าวนี้เป็นสถานที่ราชการประเภทใด ซึ่งคำนี้จะเชื่อมโยงไปถึงมาตราที่เกี่ยวกับการบริโภค ที่สำคัญคือ ยกตัวอย่าง ถ้าเป็นที่วนอุทยานแห่งชาติ ที่ดิน สปก. ที่ป่าสงวนแห่งชาตินับเป็นสถานที่ราชการด้วย เมื่อถึงเวลาปฏิบัติเกรงว่าจะเกิดปัญหา ดังนั้นจะต้องมีความชัดเจนว่า สถานที่ราชการคือสถานที่ใช้ปฏิบ้ติงานเท่านั้นใช่หรือไม่ และต้องไม่รวมหน่วยงานอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานวิจัยหรืออุทยานแห่งชาติ ด้วย

.

“มาตรา 27 เป็นเรื่องการห้ามขาย ผมจะเรียนทำความเข้าใจว่า คำว่าสถานที่ราชการ ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นสถานที่ราชการที่ทำงานของราชการจริงๆ แต่บางส่วน เช่น ศูนย์วิจัย อุทยานแห่งชาติ จะนับเป็นสถานที่ราชการด้วยหรือไม่ ต้องเขียนให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้มีปัญหาเวลาปฏิบัติจริง” นายวรวัจน์ กล่าว 

.

ด้านนายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ ตั้งข้อสังเกตถึงมาตรา 23/9  มีข้อสังเกตประการแรกเลยคือ คนไทย มีสิทธิเลือกตั้ง 18 ปี แต่พอจะซื้อแอลกอฮอล์ ต้องรออายุ 20 ปี อันนี้เป็นการให้เหตุผลที่แปลก ซึ่งเรื่องที่ต้องใช้วุฒิภาวะมากกว่าให้ทำได้ แต่เรื่องส่วนตัวกลับทำไม่ได้ 

.

ประการถัดมา ต่อไปเวลาซื้อเหล้า คงต้องให้ร้านค้ามีอุปกรณ์วัดระดับแอลกอฮอล์ให้ลูกค้าเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ก่อนหรือ?  เพราะเราเขียนว่าจะต้องไม่จำหน่ายสุราให้คนมึนเมา คำถามคือ อย่างไหนเท่าใดเรียกว่ามึนเมา ก็ต้องมีเครื่องวัดอะไรสักอย่างที่มีมาตรฐาน ดังนั้นอยากจะบอกว่า เราเขียนกฎหมายค่อนข้างหยุมหยิม และในทางปฏิบัติ เขาไม่ไปซื้อเอง เขาก็ให้คนอื่นไปซื้อ เพราะฉะนั้น เรื่องหลักเกณฑ์ที่พยายามตีกรอบจนทำให้กฎหมายรู้สึกเข้มข้นไปหมด แต่ในทางปฏิบัติจะปฏิบัติได้แค่ไหน 

.

ส่วนประเด็นน่ากังวลใจคือ ในวรรคสุดท้ายของมาตรา 29 ที่พยายามจะเอาหลักละเมิดมาตรา 420 ในกฎหมายแพ่งมาจับคือ ผู้ขายคนใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อตามวรรคแรกจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นกับชีวิตและร่างกายฯ  ความยุ่งยากคือ ท่านเอาลักษณะความรับผิดทางแพ่งมาใส่ในนี้ ขณะเดียวกันท่านเอาความผิดทางแพ่ง เพื่อไม่ให้คนไปรับผิดทางกฎหมายอาญา ถ้าท่านไปดูโทษที่ว่า คนที่ต้องรับโทษตาม 29 จะต้องมีโทษจำคุกและปรับ เว้นแต่ผู้นั้นดำเนินการตาม 29 วรรคสอง หมายถึงว่า ท่านกำลังบอกว่า ถ้าคุณชดใช้ค่าสินไหมทดแทน คุณก็ไม่ต้องรับผิดทางอาญาไม่ต้องมีจำคุกไม่ต้องปรับใช่หรือไม่ ต้องให้กรรมาธิการได้ตอบให้ชัด  

.

นอกจากนั้น ประเด็นที่น่าจะเป็นปัญหาคือ ถ้าประมาทเลินเล่อจำหน่ายแอลกอฮอล์ทำให้มีคนตาย ท่านเขียนว่าจำคุกไม่เกิน 1 ปี แต่ในกฏหมายอาญานี่เป็นความผิดอาญาแผ่นดินยอมความไม่ได้ แต่กฎหมายนี้บอกว่า ถ้าจ่ายสินไหมทดแทนทางแพ่งก็ไม่ต้องรับผิดอาญา 

.

“ผมว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นนวัตกรรมทางกฎหมายที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน คือ กฏหมายซ้อนกฎหมาย เอาความแพ่งไปยกเลิกกฎหมายอาญาได้ จึงต้องเรียนคณะกรรมาธิการว่าต้องตั้งสติ และทบทวนว่าจะเขียนกฎหมายอย่างนี้จริงหรือ” นายนพดล กล่าว

.

 #พรรคเพื่อไทย