นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ตอบกระทู้ถามของนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.พรรคประชาชน เรื่องความคืบหน้าเกี่ยวกับระบบ Payment Platform ซึ่งเป็นระบบแอปพลิเคชันใหม่สำหรับการจ่ายเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต
.
นายจุลพันธ์ กล่าวชี้แจงเริ่มต้น เรื่องของระบบ Payment Platform ตามที่นางสาวศิริกัญญา ถามว่าจะ สามารถสแกนในระบบทางรัฐได้หรือไม่นั้น ขอตอบว่า สามารถดำเนินการได้ทั้งสองทาง ในส่วนของผู้พัฒนาได้พัฒนาแบบคู่ขนาน คือตัวระบบทางรัฐไม่ใช่เรื่อง Payment Platform ซึ่งดีจีเอ ที่เป็นหน่วยงานพัฒนาระบบของรัฐนั้น ได้พัฒนาระบบมา 4 ระบบดังนี้ ระบบลงทะเบียนประชาชน ระบบลงทะเบียนร้านค้า ทางรัฐวอลเล็ต และระบบแพลตฟอร์มการชำระเงิน แต่เวลาที่เราใช้ทางรัฐนั้นคือหน้ากากที่ประชาชนจะต้องใช้ ส่วนแอปพลิเคชั่นจริงๆ ที่จะเรียกขึ้นมาใช้จริงๆ อยู่เบื้องหลัง ซึ่งผู้ใช้ทั่วไปอาจจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปรู้ว่าเป็นอะไร
.
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า แต่กลไกที่จะใช้ชำระเงินเมื่อเติมเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ตไปให้ประชาชนแล้วนั้นมี 2 ช่องทาง โดยหนึ่งคือการใช้แอปพลิเคชั่นทางรัฐ ที่ขณะนี้กำลังมีการพัฒนาระบบ โดยเชื่อว่าสามารถดำเนินการได้ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ในอนาคตแอปพลิเคชั่นทางรัฐรวมถึงระบบการชำระเงินทั้งหมดนั้นจะเป็นระบบ Payment Platform การชำระเงินกลางของรัฐที่ประชาชนสามารถใช้ได้ สำหรับเงินประเภทต่างๆ ในอนาคตอาจจะมีการโยกย้ายสวัสดิการประเภทมารวมศูนย์อยู่ในจุดเดียว ซึ่งหากไปดูระบบของต่างประเทศนั้น จะเห็นว่ามีระบบที่รวมสวัสดิการต่างๆ ไว้ที่จุดเดียวได้ เราจะต้องพัฒนาระบบตรงนี้ไปให้ถึงให้ได้
.
นายจุลพันธ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการเชื่อมต่อกับธนาคารทั้งธนาคารพาณิชย์และ Non-Bank รวมถึงส่วนที่เป็นเพย์เมนต์ของวอลเล็ตที่ไม่ได้เป็นธนาคารนั้น ทุกส่วนที่เข้าร่วมได้แจ้งความประสงค์เข้ามามาก โดยเฉพาะแบงก์ใหญ่เข้าร่วมหมดหรือที่เรียกว่า Open Loop คือการที่เขาเข้ามาเชื่อมต่อกับเรา โดยที่เขาไม่ได้ทำเกี่ยวกับการเช็กคุณสมบัติหรือการเคลียร์เรื่องเกี่ยวกับการโอนจ่ายต่างๆ ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นเรื่องของรัฐ เราเพียงแค่เปิดประตูให้ธนาคารเหล่านั้นมาเชื่อมต่อเพื่อให้เกิดความสะดวกกับประชาชนเพราะคุ้นชินกับระบบโอนจ่ายของธนาคารปกติ
.
แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะโอนจ่ายเงินในธนาคาร แต่สุดท้ายก็ต้องโหลดแอปพลิเคชั่นทางรัฐอยู่ดี เพื่อให้มีการลิงก์กันระหว่างสองแอปพลิเคชั่นเพื่อที่จะชำระเงิน เพราะธนาคารพาณิชย์เป็นแค่ในส่วนของผู้ใช้ แต่ในส่วนของทางรัฐจะเป็นตัวเชื่อมระบบในการทำเรื่องระบบ Payment Platform และการโอนเม็ดเงินที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องโหลดทั้งสองแอปพลิเคชั่นอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการเช็กประเภทสินค้านั้น ต้องเรียนว่ากลไกการกำกับดูแลนั้นค่อนข้างยาก เราเปิดโอกาสให้ร้านโซห่วยมาร่วมโครงการ ซึ่งร้านเหล่านี้ไม่มีเครื่องที่จะออกบิลเพื่อให้ได้รายงานที่ออกมาถูกต้องว่าคนๆ นี้ซื้ออะไรบ้าง
.
“ฉะนั้น เราจะไม่สามารถทราบได้เลยว่า เขาซื้ออะไรบ้าง สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาหากเราไปกำกับประเภทสินค้าสิ่งที่จะใช้ผิดประเภทจะเกิดขึ้นเยอะมาก และเกิดคดีความกับร้านค้าเล็กๆ เหล่านั้นเต็มไปหมด จึงมีข้อเสนอจากหน่วยงานว่า เอาเรื่องสินค้าต้องห้ามออก และไปล็อกที่ร้านค้าแทน เพื่อป้องกันการใช้แล้วเกิดคดีความ แม้จะตรวจสอบสินค้ายังไม่ได้ แต่เราต้องพัฒนาระบบต่อ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องพัฒนาเพื่อนำระบบที่จะดูดว่าประชาชนไปซื้ออะไรมาบ้าง ขณะนี้ไม่เกิดขึ้นและไม่ใช่ข้อเท็จจริง”
.
ส่วนคำถามที่ว่าจะพัฒนาระบบไปถึงตรงไหนและสิ้นสุดเมื่อใดนั้น นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถจะตอบได้ว่าระบบพัฒนาไปถึงไหนและจะจบสิ้นเมื่อไหร่ แต่ในฐานะที่คลังเป็นโปรเจ็กต์ออนเนอร์ เราจะรับทราบจากสิ่งที่แต่ละกระทรวงรายงานมาว่าเราพร้อมเมื่อไหร่ ซึ่งเร็วๆ นี้จะเริ่มมีการทดสอบระบบแบบเอ็นทูเอ็น และขณะนี้มีการย้ายแอปพลิเคชั่นไปอยู่ในระบบเซิร์ฟเวอร์ของกระทรวงดิจิทัลฯ น่าจะใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ตนไม่แน่ใจไทม์ไลน์เพราะกระบวนภายในที่ภาครัฐดำเนินการกัน ยืนยันว่าอยู่ในกรอบระยะเวลาที่เคยให้ไว้และอยู่ในความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็มีความเป็นห่วงและให้ตั้งอนุคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อมาติดตามตรวจสอบกลไกต่างๆ
.
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องคอลเซ็นเตอร์นั้นก็ใช้เลขหมาย 1111 เป็นเลขหมายหลักของรัฐตั้งแต่เฟสที่ผ่านมา หากมีประเด็นคำถามก็สามารถโทรไปสอบถามเลขนี้ได้ สำหรับเรื่องบล็อกเซนนั้นยังมี และระบบความปลอดภัย และโปรเจ็กเมเนเจอร์ก็จะเป็นคลังที่จะบริหารจัดการทั้งหมด ส่วนเรื่องทางรัฐวอลเล็ตเป็นเรื่องที่ดีจีเอพัฒนาเองไม่ได้มีการจัดซื้อจัดจ้างโดยมุ่งที่จะใช้กับโครงการรัฐในอนาคต เช่น ด้านสวัสดิการ อย่างไรก็ตาม ยืนยันในกรอบเวลาไม่มีต้นไตรมาส 3 ตนยังเชื่อมั่นว่าการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ไตรมาส 2 เรียบร้อยแน่นอน
.
“ ยืนยันว่าแอปพลิเคชั่นทั้งหมดพัฒนาทันตามกรอบเวลา และในฐานะรัฐมนตรี เราต้องดูแลบริหารจัดการนโยบายเพื่อให้โครงการขับเคลื่อนจนประสบความสำเร็จ ยืนยันว่า ทันตามกรอบเวลา เงินถึงมือประชาชน ส่วนการลงทะเบียนร้านค้าว่า รายย่อยที่เรากล่าวถึง คือร้านค้าแผงลอย ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนกับรัฐมาก่อน จึงต้องมีกลไกเข้ามาดูแลในส่วนนี้ เพื่อยืนยันตัวตน โดยใช้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานรัฐเพื่อให้เขามาขึ้นทะเบียน โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐดูแล ป้องกันการเกิดร้านค้าเงา ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อนำไปขึ้นเงินเพียงอย่างเดียว”
.
ส่วนเรื่องข้อห้ามในการใช้กับการบริการต่างๆ นั้น นายจุลพันธ์ ย้ำว่า สิ่งที่เราทำในโครงการนี้ คือการเติมเงินผ่านแอปดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งมีวัตถุประสงค์สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัล และสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ เราจึงเติมเม็ดเงินลงไป เพื่อให้เกิดการลงทุน การผลิต ซึ่งในภาคบริการนั้น ไม่ได้ทำให้เกิดการผลิตโดยตรง เราจึงกำหนดกรอบได้แนวทางไว้เช่นนี้ ส่วนการขึ้นเงินเราก็มีการปลดล็อกเรียบร้อยแล้ว โดยปรับเปลี่ยนว่า ไม่ต้องเป็นร้านค้าในระบบภาษีก็ได้ แต่ต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น เรื่องการยืนยันตัวตน และป้องกันไม่ให้ใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์โครงการ
.
ขอขอบคุณ มติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/politics/news_5090354
.
#พรรคเพื่อไทย