วันที่ 4 เมษายน 2568 ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย ศรีโสภา โกฏคำลือ สส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และเอนกชัย เรืองรัตนากร Senior Strategist พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยอภินันท์ ธรรมเสนา ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เข้าพบสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อพูดคุยและรับแนวนโยบายเกี่ยวกับกฏหมายคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการของขั้นวุฒิสภา

.

สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า รัฐบาลที่นำโดยแพทองธาร ชินวัตร ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่ม และมองเห็นความหลากหลายทางวัฒนธรรมของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ ในฐานะพลังสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ของประเทศ และทุนวัฒนธรรมของพี่น้องชาติพันธุ์นี้เองจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับประเทศของเรา ดังนั้น รัฐบาลจะดูแลกลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์ให้ได้ใช้ชีวิตแบบมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี “ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กฎหมายคุ้มครองและส่งเสริมชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์จะเป็นกฎหมายที่ช่วยให้กลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานได้อย่างเสมอภาค เมื่อกลุ่มชาติพันธุ์มีความเข้มแข็ง ประเทศไทยก็จะแข็งแกร่งตามไปด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว

.

“ขณะนี้ทางกระทรวงวัฒนธรรมได้มีกระบวนการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ พ.ร.บ. ฉบับนี้ โดนเฉพาะอย่างยิ่งการจัดเตรียมระบบฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งได้ร่วมกับศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร พัฒนาระบบฐานข้อมูลเพื่อเป็นฐานข้อมูลกลางด้านชาติพันธุ์ของประเทศ ทีจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนานโยบายด้านชาติพันธุ์ รวมทั้งมีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาและจัดทำแนวทางการจัดตั้งสภาคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์” สุดาวรรณ กล่าวเสริม

.

ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับ พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่มีนโยบายในการคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์  ซึ่งในขณะนี้กรรมาธิการฯพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เสร็จสิ้นแล้ว โดยความร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่ายช่วยผลักดันอย่างสุดความสามารถ และอยู่ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา”

.

ในส่วนของศรีโสภา โกฏคำลือ สส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “พรรคเพื่อไทยมีแนวทางการดูแลพี่น้องชาติพันธุ์สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนกฎหมายชาติพันธุ์เป็นวาระสำคัญของประเทศ ที่ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดัน ถือเป็นความก้าวหน้าของประเทศไทยที่จะก้าวสู่สังคมพหุวัฒนธรรมที่โอบรับคนทุกกลุ่มวัฒนธรรมไว้อย่างเสมอภาคกัน ดิฉันรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้เพื่อคุ้มครองสิทธิแก่พี่น้องชาติพันธุ์”

.