พท.หวั่น กยศ. ยึดทรัพย์กู้การศึกษาซ้ำเติมปัญหา ชี้ลงทุนการศึกษาคุ้มค่า
น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี ไปบังคับยึดทรัพย์ผู้กู้ว่า รู้สึกเห็นใจคนกลุ่มนี้ ที่เริ่มต้นมีความรู้สึกที่ดี และได้มีการศึกษาจบปริญญาตรี แต่เนื่องจากตัวผู้กู้เองที่มีฐานะยากจน อีกทั้งเมื่อจบการศึกษาแล้วอาจไม่มีงานทำหรืองานที่ทำมีรายได้น้อย จึงไม่สามารถชำระหนี้กู้ยืมได้ บางรายเป็นเสาหลักที่มีภาระดูแลครอบครัวที่มีสภาพความเจ็บป่วย ความยากจน ความด้อยโอกาส
ตามหลักกฎหมายฝ่ายชนะคดี (กยศ) ต้องขอบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง เมื่อถูกบังคับคดี ไม่มีเงินชำระหนี้จะถูกยึดทรัพย์สินหรืออายัดเงินเดือนทั้งผู้กู้และผู้คำประกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในครอบครัว เกิดผลกระทบต่อผู้กู้และครอบครัวซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน จึงเป็นการซ้ำเติมปัญหาเดิมและบางส่วนต้องกู้ยืมเงินนอกระบบเพื่อใช้จ่ายในคดีที่ถูกฟ้อง ทรัพย์ที่ถูกยึดส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัย จึงเป็นปัญหาสังคมที่เป็นผลกระทบติดตามอื่น ๆ อีกมาก
น.ส.อนุตตมา กล่าวอีกว่า โครงการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นการให้โอกาสคนได้มีการศึกษาจนจบปริญญาตรี ถือว่าเป็นการลงทุนของรัฐที่คุ้ม มิฉะนั้นคนกลุ่มนี้บางส่วนอาจไปประกอบอาชญากรรมอื่นๆ อันนำไปสู่ปัญหาสังคม ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของชาติ. ประกอบกับรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจท่ีตกต่ำและปัญหาราคาสินค้าเกษตรได้. ยิ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ประชาชนประสบแต่ปัญหาควทมมากจนมากยิ่งขึ้น.
ขณะนี้ประชาชนท่ี่มีรายได้น้อยก็ตกอยู่ในภาวะท่ี่ตกระกำลำบากอยู่แล้ว การใช้วิธีการดักกล่าวจึงเป็นมาตราการซ้ำเติมความยากจนไปอีก เป็นการชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลมุ่งแต่ใช้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน