แถลงการณ์พท. ย้ำรัฐบาลต้องแจงปมอุทยานราชภักดิ์

ตามที่พรรคเพื่อไทยได้มีแถลงการณ์ฉบับลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558
เรียกร้องให้รัฐบาลแถลงรายละเอียดและมาตรการดำเนินการต่างๆ
กรณีการทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์
รวมถึงการแสดงความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาในระดับต่างๆ
แต่ปรากฏว่าบุคคลในระดับสูงของรัฐบาลที่มีหน้าที่รับผิดชอบกลับหลีกเลี่ยงและปฏิเสธความรับผิดชอบ
อ้างว่าโครงการดังกล่าวเป็นเรื่องของกองทัพบกไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล
การจัดสร้างไม่ได้ใช้งบประมาณรัฐบาลแต่ใช้เงินบริจาคประชาชนและแม้จะพบการทุจริตรัฐบาลก็ไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ
นั้น พรรคเพื่อไทยขอแถลงในประเด็นดังกล่าวเพื่อความรับรู้ร่วมกันของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย
ดังนี้

1. คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงกลาโหมให้กองทัพบกเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์
สำหรับเงินงบประมาณให้ประสานความร่วมมือและเชิญชวนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมบริจาค
หากกระทรวงกลาโหมมีความจำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนการจัดสร้างจากเงินงบประมาณด้วยก็ให้ดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ปรากฏตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กห 0207/761 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2558 และหนังสือ
ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/19102 ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2558 ดังนั้น
โครงการอุทยานราชภักดิ์จึงอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลมาแต่ต้นภายใต้ความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่19สิงหาคม2558 นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ยังได้ร่วมในพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ ดังนั้นการที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
(พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ)
ซึ่งเป็นผู้ลงนามนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอ้างว่าโครงการดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล
จึงฟังไม่ขึ้น เป็นการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบโดยแท้

2. กองทัพบกเจ้าของโครงการเป็นหน่วยงานของรัฐ
ดำเนินการก่อสร้างบนที่ดินของกองทัพบกอันเป็นทรัพย์สินของทางราชการ
เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเป็นข้าราชการของกองทัพบกกินเงินเดือนจากภาษีอากรของประชาชน
ใช้สถานที่และทรัพย์สินของทางราชการในการดำเนินโครงการ
การรับบริจาคดำเนินการในนามกองกิจการพลเรือนทหารบก ใช้ชื่อบัญชีที่รับบริจาคว่า
“กองทุนสวัสดิการกองทัพบก”
ผู้บริจาคสามารถนำใบเสร็จไปขอหักลดหย่อนภาษีอันเป็นรายได้ของแผ่นดิน
สำหรับเงินบริจาคดังกล่าว ตามข้อ 5 (4) วรรคสอง
ของระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการรับเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ทางราชการ พ.ศ. 2526 ให้ถือว่าเป็นการรับบริจาคในนามของทางราชการ
เงินบริจาคดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์สินของทางราชการ
เมื่อมีการทุจริตเกิดขึ้นอันเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายอาญา
จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องเร่งรัดหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
หาใช่เป็นเรื่องของกองทัพบกซึ่งไม่มีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญาตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพยายามชี้แจงเพื่อปฏิเสธความรับผิดชอบแต่อย่างใดไม่

3. การที่พลเอกอุดมเดช
สีตบุตร ผู้รับผิดชอบโครงการซึ่งดำรงตำแหน่งในระดับสูงของรัฐบาล และ คสช
ออกมายอมรับว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จากการดำเนินโครงการจริงแต่ได้นำเงินดังกล่าวไปบริจาคแล้ว
เท่ากับเป็นการยอมรับว่ามีการกระทำความผิดต่อกฎหมายอาญาเกิดขึ้นในขณะที่ตนเองดำรงตำแหน่งสำคัญประกอบด้วย
ผู้บัญชาการทหารบก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เลขาธิการ คสช
และเป็นกรรมการในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ
การทุจริตที่เกิดขึ้นจึงเป็นความรับผิดชอบที่ตัวผู้รับผิดชอบโครงการและผู้บังคับบัญชาในระดับที่เหนือขึ้นไปประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
นายกรัฐมนตรี และประธาน คสช
ซึ่งเป็นข้าราชการการเมืองจะต้องแสดงความรับผิดชอบอันเป็นไปตาม ข้อ 10 และ ข้อ 29
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551 ดังนั้น
การที่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้แสดงความไม่รับผิดชอบจึงขัดกับมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

4. พรรคเพื่อไทยขอเรียนว่าโครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นโครงการที่มีความสำคัญยิ่งต่อความรู้สึกของประชาชนทั้งประเทศ
เมื่อมีการทุจริตเกิดขึ้นและเกี่ยวพันถึงบุคคลในระดับสูงของรัฐบาล
ชอบที่รัฐบาลจะต้องเร่งทำความจริงให้ปรากฏและเร่งหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ
รวมทั้งแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประชาชน
โดยเฉพาะการที่รัฐบาลนี้เข้าสู่อำนาจด้วยการเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศโดยมีข้ออ้างหนึ่งคือ
“เพื่อการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง” ปรากฏตามประกาศ คสช ฉบับที่ 1/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ยิ่งต้องแสดงให้ประชาชนเห็นถึงมาตรฐานทางจริยธรรมที่ดีกว่าหรืออย่างน้อยเท่ากับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีของการปฏิรูปการเมืองที่ทุกฝ่ายรวมถึงรัฐบาลนี้เรียกร้องให้เกิดขึ้น
ดังนั้น
การที่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาลแสดงความไม่รับผิดชอบนอกจากจะขัดกับมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว
ยังขัดกับแนวทางปฏิรูปการเมืองรวมถึงนโยบายการป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ
อันเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลเองอีกด้วย

พรรคเพื่อไทยจึงเรียกร้องมายังนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและประธานกรรมการในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ
ได้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างเปิดเผย โปร่งใส และประกาศให้สาธารณชนทราบโดยด่วน

     พรรคเพื่อไทย

19 พฤศจิกายน 2558

————————————————–

Pheu Thai Party
Statement

Pheu Thai Party
had made a statement dated 13th November 2015 calling for the
government to make announcements and provide details clarifying corruption
allegations concerning the Rajabhakti Park project and also to
show its responsibility of the commanding officers in various ranks. However,
it was found instead that the responsible high ranking officials in the
Government avoided and refused to take responsibility, claiming that the
project belongs to the Army and not the Government.  The building of the project did not use
government budget but came from donations of the private sector, and even
though irregularities may be found, the Government does not need to take
responsibility. Concerning these specific matters Pheu Thai would like to make
this statement to provide knowledge to the sovereign people of the nation as
follows:

1. The Cabinet made the approval of the proposal made by the Ministry of
Defense for the Army to take main lead in the building of the Rajabhakti
Park from funds that were to come from the collaboration and invitation of
various government and private agencies to donate. As evident in the document
marked Most Urgent Number MD  (กห)
0207/761
dated 30th May 2015 and in the document marked Most Urgent Number
PMO (นร) 0505/19102 dated 3rd June 2015 should
the Ministry of Defense need support for the building with the budget, it must
proceed to make such request. Thus the Government has been responsible for Rajabhakti
Park from the beginning under the approval of the cabinet. On the 19th
August 2015 the Prime Minister and the Minister of Defense also held a
religious ceremony to commemorate the statues of former Thai kings. Therefore,
the claim by  Deputy Prime Minister and
Minister of Defense (Gen. Prawit Wongsuwan) who signed the matter for the
approval of the cabinet, that the Government is not involved in the project is
false and is an attempt to avoid responsibility.

2. The Army responsible for the
Project is a government organization. The Park was build on the land of the
army which is government property. The staff involved are government officials
in the Army who receive their salaries from the taxes of the people, using the
land and property of the government for the project. The donations received for
the project was in the name of the Army’s Department of Civil Affairs and the
bank accounts was named “The Army’s Welfare Fund”. The donors could use the
receipts to apply for tax deductions, which is the source of the income of the
state, as per regulations of the Department of the Treasury Article 5 (4)
paragraph 2 concerning the receipt of money or asset made by donors to the
government B.E. 2526 which is considered as receiving donations in the name of
the government. The donation received, thus is government property, and when
there is corruption, which is an offense under criminal law, the Government
must urgently find and punish those who are responsible. This is not the matter
of the Army as it does not have the power as per the criminal code according to
the explanation made by the Deputy Prime Minister and Minister of Defense who
tried to evade his responsibility.

3. As for Gen. Udomdej Sitabutr
who is responsible for this project and is a high ranking official in the Government
and the National Peace Keeping Council (NCPO), admitting that there has
been request for bribes during the progress of the Project, but the money has
already been donated. This is conceding that criminal offense has been
committed while he is in key positions as Army Chief, Deputy Minister of
Defense, Secretary General of the NCPO and the Director of
National Anti-Corruption Committee. Those in charge the project and the
commanders in higher levels which comprise of the Deputy Prime Minister and
Minister of Defense and Chairman of the NCPO who are political officials
therefore must show their responsibilities in this corruption scandal in
accordance with Article 10 and Article 29 of Regulation of the Prime Minister’s
Office concerning the Code of Ethics for Government Political Officials B.E.
2551. Thus, for the Prime Minister who is in charge of this regulation  to refuse his responsibility is a violation
of moral standard for those in political positions.

4. Pheu Thai Party would like to state that Rajabhakti
project is very important to the feelings and sentiments of the people of the
entire nation. When there is corruption which involves high ranking figures in
the government, it is pertinent for the government to most urgently clarify the
matter and seek those offenders to receive punishment. To be a good example to
the people, it must also politically take responsibility, especially when this
Government has come to power by seizing power to rule the country with one of
the excuses as to “reform the political structure” as appeared in NCPO
announcement number 1/2557
dated 22nd May 2015. Therefore, it must demonstrate its moral
standards to the people as being better, or at least equal to the government
that had been elected by the people, so it can be a good example in the
political reform process that all parties, including this Government, demanded.
For this reason, the refusal of responsibility by the Prime Minister who is the
Head of the Government, not only violates the moral standards of those in
political positions, but also contradicts the attempt of political reform, and
the policy for the prevention and suppression of corruption, which is a key
policy by the Government itself.

Pheu Thai party thus implore the Prime Minister as the Head the Government and
Chairman of the National Anti-Corruption Committee to proceed with this
matter in an open, transparent manner and to urgently announce
clarification of this matter to the public.