(6 ก.พ. 63) ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช กรรมการกิจการพิเศษ และหัวหน้าศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากกรณีที่คนไทยประสบปัญหาขาดแคลน “หน้ากากอนามัย” เพื่อใช้สำหรับการป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และฝุ่นพิษ PM 2.5 คงมีเพียงแค่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพวกเท่านั้นที่ยังคงไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงของปัญหาเหล่านี้ กลับออกมาแถลงต่อสาธารณชนว่า “หน้ากากอนามัยไม่ขาดตลาด และมีราคาไม่สูงเกินจริง” นั้น สร้างความกดดันให้สังคม เป็นผลให้เพจชื่อดังหลายสำนักต้องดำเนินการทำโพลเพื่อสำรวจเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างจริงจังว่าประชาชนมีความคิดเห็นอย่างไรในขณะนี้ว่าหน้ากากอนามัยมีราคาแพงจริงหรือไม่ โดยมีผลสำรวจบอกว่าแพง 97% และ 3% บอกว่าไม่แพง จนทำให้สังคมในโซเชียลเกิดความสงสัยอย่างหนักว่า พล.อ.ประยุทธ์ เคยเข้าใจปัญหาของประชาชนอย่างจริงจังและพร้อมจะหาทางช่วยเหลือประชาชนหรือไม่อย่างไร

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชนคนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ คณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย ขอเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหานี้ โดยทางพรรคได้เปิดช่องทางและขอเชิญชวนให้ประชาชนคนไทยช่วยกันแจ้งเบาะแสและเรื่องราวร้องทุกข์มาที่ เว็บไซต์ specialmissionptp.com ผ่านทางช่อง “รับแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์” เพื่อเป็นอีกช่องทางที่จะช่วยเหลือประชาชนต่อสู่กับปัญหาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และปัญหาฝุ่นพิษ เพื่อแนะนำร้านค้าที่จำหน่ายหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือในราคาไม่แพง และแจ้งเบาะแสของร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าดังกล่าวเกินราคา เพราะถือว่าเป็นการเอารัดเอาเปรียบบนความเดือนร้อนของผู้อื่น โดยทางกรรมการฯ จะนำข้อมูลเหล่านี้กระจายต่อไปยังพี่น้องประชาชน เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด และตนขอชื่นชมการที่มี ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลบางคน ที่ได้มีการออกมาพูดว่าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ หากรัฐบาลกระทำความผิดก็จะไม่ยอมเป็น องครักษ์พิทักษ์รัฐบาล นั้น ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า หากแค่เรื่องปัญหาหน้ากากราคาแพง หาซื้อยาก รัฐบาลยังไม่สามารถหามาตรการเพื่อแก้ไขปัญหานี้ได้ แล้วอย่างนี้รัฐบาลจะบริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลได้อย่างไร โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ส.ส. ซึ่งเป็นผู้แทนราษฎรจะช่วยกันเป็นกระบอกเสียงให้กับพี่น้องประชาชน โดยการไม่เห็นชอบกับการบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้