โฆษกพรรคเพื่อไทย เรียกร้องรัฐบาล เร่งเยียวยาประชาชนก่อนซื้ออาวุธ แนะเตรียมความพร้อมปลดล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
22 เมษายน 2563 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์โครงการจัดซื้อจัดจ้างยานเกราะพร้อมอาวุธของกองทัพบก มูลค่า 4.5 พันล้านบาทว่า ในสถานการณ์ที่ประชาชนกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำไมกองทัพพยายามจัดซื้ออาวุธตลอดเวลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องมีคำตอบ จัดลำดับความสำคัญของปัญหาอย่างไร ในขณะที่การเยียวยาประชาชนล้มเหลว แต่จะจัดซื้อยานเกราะล้อยางถึง 50 คัน เป็นเงินสูงถึง 4,515 ล้านบาท จะแก้เกี้ยวว่าเป็นงบฯ ผูกพัน งบฯ ค้างท่อก็คงฟังยาก เพราะเอกสารเพิ่งจะอนุมัติในวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา
“ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้รัฐบาลตัดงบประมาณซื้ออาวุธไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำไมไม่โอนงบประมาณมาช่วยเยียวยาประชาชน ถ้าไม่ซื้อยานเกราะล้อยาง 50 คัน 4,515 ล้านบาท จะสามารถเยียวยาประชาชนคนละ 5,000 บาท 3 เดือน ได้ 301,000 คน ประชาชนตั้งคำถามว่า ตกลงจะไว้วางใจกองทัพไม่ได้เลยหรือ เผลอไม่ได้ เผลอเป็นซื้ออาวุธ เมื่อคราวเรือยกพลขึ้นบก 6,100 ล้านบาท ก็โดนประชาชนตำหนิไปครั้งหนึ่งแล้ว พอเรื่องซา บวกกับสถานการณ์โควิด-19 ชุลมุน ก็สอดไส้ซื้อยานเกราะล้อยาง 4,515 ล้านบาท เข้ามาอีก กองทัพต้องตระหนักในการจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาประเทศ การเยียวยาประชาชนควรเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องดำเนินการให้เกิดผลโดยเร็ว”
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งประชาชนถามถึงแนวโน้มการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพราะถ้าจะรอให้ปลอดเชื้อหรือการแพร่ระบาดเป็นศูนย์ อาจต้องใช้เวลาอีกเป็นปี รัฐบาลจะให้ประชาชนมารอรับการเยียวยา พึ่งพาเงินในกระเป๋าใบเดียวจากรัฐบาลทั้งประเทศไม่ได้ แม้จะขยายจาก 9 ล้านคนเป็น 14 ล้านคนก็ยังไม่ถ้วนหน้า และไม่ทราบว่าจะมีหลักเกณฑ์ใดเพิ่มเข้ามาอีกหรือไม่ มีคนลงทะเบียนแล้วเข้าไม่ถึงสิทธิการเยียวยาอีกเกือบ 10 ล้านคน การเยียวยาที่เหลือจะดูแลอย่างไร ต้องไปถาม AI อีกหรือไม่ จะอุทธรณ์ออนไลน์กันอีกนานแค่ไหน เมื่อไหร่เงินเยียวยาบาทแรกจะถึงมือประชาชนอย่างทั่วถึง จะผลัดไปถึงเมื่อไหร่ การปลดล็อกอย่างปลอดภัย เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางอย่างขับเคลื่อนได้ จึงเป็นแนวทางที่รัฐบาลต้องเตรียมการให้พร้อม ผลสัมฤทธิ์ของการรับมือกับวิกฤติโควิด ไม่ควรจำกัดอยู่แค่จำนวนผู้ติดเชื้อหรือเสียชีวิตที่เป็นศูนย์ ควรเก็บสถิติคนฆ่าตัวตาย คนอดตาย คนต้องมารับอาหารบริจาค อันเกิดจากการล็อกดาวน์เมืองด้วย ตราบที่ยังไม่มีวัคซีน รัฐบาลต้องบริหารจัดการสถานการณ์ จำกัดระดับความเสียหาย ประคับประคองประเทศอย่างมีสมดุล เศรษฐกิจ สังคมและควบคุมการแพร่ระบาดให้มากที่สุด รัฐบาลต้องเตรียมปลดล็อกอย่างปลอดภัย ประชาชนพร้อมกลับไปทำมาหากิน พร้อมออกไปทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี ปลอดโรค ปลอดภัย