(18 ก.พ. 63) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นกรณี แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตั้งวอร์รูมสกัดการตรวจสอบจากฝ่ายค้าน ว่า ตนเองไม่แปลกใจที่ผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลือกใช้วิธีนี้ เพราะตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรีจากการยึดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่เคยถูกใครตรวจสอบมาก่อน ที่ผ่านมามีแต่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวหาคนอื่น และใช้กฎหมายพิเศษเล่นงานนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ดังนั้น เมื่อต้องถูกตรวจสอบตามกฎหมายเป็นครั้งแรกจึงอาจกังวลและวิตกจริต เพราะที่ผ่านมาเคยแต่ชี้นิ้วเล่นงานคนอื่น ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มี ม.44 เป็นยาวิเศษอีกแล้ว แม้จะเขียนนิรโทษกรรมตัวเองและพวกพ้องไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 ก็ตาม แต่ไม่สามารถคุ้มครองความผิดได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะความผิดใหม่ๆจำนวนมากที่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่ออีกว่า ตอนที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้า คสช. สามารถใช้ ม.44 ที่มีอำนาจเหนือกว่าฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ อีกทั้งยังมี สนช. ที่ตัวเองแต่งตั้งมากับมือ จึงไม่เคยมีใครกล้าตรวจสอบ แต่หลังจากมีเลือกตั้งและมีระบบรัฐสภาอีกครั้ง แม้วุฒิสภาอาจมีคำครหาว่ามาจาก คสช. แต่สภาผู้แทนราษฎรโดยเฉพาะ ส.ส.ฝ่ายค้านทุกคนมาจากการเลือกตั้งจากประชาชนอย่างแน่นอน จึงสามารถทำหน้าที่ตรวจสอบนายกรัฐมนตรีและพวกพ้องได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเกรงใจใครทั้งสิ้น ซึ่งอำนาจแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยเจอมาก่อน

“การอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นเรื่องปกติในระบบรัฐสภา ผมไม่เคยเชื่อเลยว่า พล.อ.ประยุทธ์จะแสดงอาการหวั่นวิตกกับการถูกตรวจสอบครั้งแรกในรอบ 6 ปี มากขนาดนี้ ถึงขนาดที่ แกนนำ พปชร. ต้องไประดม ส.ส. ทั้งในอดีตและปัจจุบันมาตั้งวอร์รูมเพื่อขู่จะสวนกลับฝ่ายค้าน หรือขู่จะขุดคุ้ยข้อมูลมาโจมตีผู้อภิปรายบ้าง ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ใครๆก็ดูออกว่าเป็นการจงใจเล่นเกมนอกสภาอย่างชัดเจน และไม่สนใจความชอบธรรมและกระบวนการที่ถูกต้องของระบบรัฐสภา”

ก่อนหน้านี้ ประชาชนยอมให้ท่านบริหารประเทศมา 6 ปี โดยต้องอดทนยอมหลับตามองไม่เห็นการใช้จ่ายเงินแผ่นดินที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย เพราะท่านคือ คสช. ที่ตรวจสอบไม่ได้ แต่วันนี้ท่านคือนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง แม้จะคลอดมาจากรัฐธรรมนูญที่พิกลพิการก็ตาม แต่ก็ไม่ควรสนับสนุนให้คนของท่านเล่นการเมืองนอกสภา เพราะท่านคุยโวโอ้อวดมาตลอดว่า ตัวเองใสซื่อ มือสะอาด ไม่เคยคดโกง หรือมีเรื่องทุจริต จึงต้องพร้อมให้ตรวจสอบ และตอนนำกองทัพออกมายึดอำนาจก็อ้างว่าจะปฏิรูปการเมือง แต่การสนับสนุนวิธีพิสดารแบบนี้ไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้องในระบอบประชาธิปไตยอย่างแน่นอน

นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่บกพร่องทุกท่าน สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านในสภาด้วยตัวเองได้อยู่แล้ว ดังนั้น การตั้งวอร์รูมนอกสภาเพื่อตรวจสอบฝ่ายค้านจึงเป็นการเล่นการเมืองแบบโบราณ ที่ยอมใช้ทุกวิธีการเพื่อเอาตัวรอดโดยไม่สนใจความถูกต้อง ซึ่งผู้อภิปรายจากฝ่ายค้านทุกคนคงไม่ให้ราคา แต่ที่ต้องออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งนี้เพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นการทำลายความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อนักการเมืองโดยรวม หาก พล.อ.ประยุทธ์ อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็แสดงว่าท่านกำลังสนับสนุนให้พวกพ้องทำลายระบอบประชาธิปไตย โดยใช้นักการเมืองเป็นเครื่องมือเสียเอง ซึ่งการกระทำแบบนี้ไม่เกิดประโยชน์และทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย 

“ผมจึงอยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบรัฐสภาด้วยการยอมรับกติกาการตรวจสอบ นอกเสียจากท่านนายกฯจะมีอาการปากกล้าขาสั่น คิดว่าตัวเองคงชี้แจงในสภาไม่ได้แน่ๆ จึงต้องใช้ลูกสมุนคอยปั่นป่วนอยู่นอกสภาแบบนี้”