“วัฒนรักษ์” ท้วงติง “พล.อ.ประยุทธ์” คำสั่งใหม่ ส.ป.ก. เอื้อประโยชน์ใครมากกว่ากัน
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ประธานคณะอนุกรรมการด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่คณะกรรมการประกาศปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (คปก.) โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ลงนามอนุญาต มีคำสั่งให้ใช้ที่ดิน ส.ป.ก. ทำกิจการทางการเกษตร และให้เช่าที่ตั้งโรงงานหรือรีสอร์ต โดยให้มีผลบังคับใช้ในทันที ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2563 นั้น ถือเป็นการเอื้อผลประโยชน์ต่อนายทุนหรือไม่ เพราะแนวนโยบายเดิมในการแบ่งพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ ให้เป็นที่ดิน ส.ป.ก. นั้นทำขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่มีรายได้น้อยและไม่มีที่ทำกินทำการเกษตร ได้มีที่ดินทำกินคนละไม่เกิน 50 ไร่ ซึ่งการออกคำสั่งใหม่ขึ้นมาแบบนี้ถือเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ที่เคยมีไว้อย่างร้ายแรง และการกระทำดังกล่าวยังขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉกเช่นเหตุการณ์ในอดีตที่เคยมีการนำที่ดิน ส.ป.ก. ไปแจกเศรษฐีเพื่อทำธุรกิจ ทำให้สังคมในขณะนี้เกิดความแคลงใจสงสัยว่าเหตุใดถึงมีคำสั่งแบบสายฟ้าแลบออกมาเช่นนี้
พรรคเพื่อไทย ขอยืนยันหลักการที่ว่าจะต้องรักษาพื้นที่ดินของ ส.ป.ก. 40 ล้านไร่ ไว้ให้เกษตรกร โดยผู้ที่ใช้ที่ดินดังกล่าวจะต้องเป็นเกษตรกรเท่านั้น เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการเกษตรกรรม โดยพรรคเพื่อไทยมีแนวทางให้ที่ดิน ส.ป.ก. ในประเภทเช่าซื้อ หรือพื้นที่กรมป่าไม้มอบให้ สามารถถ่ายโอนกันได้ระหว่างเกษตรกรด้วยกัน โดยการถ่ายโอนนั้นต้องทำผ่านธนาคารที่ดิน ส.ป.ก. โดยผ่านการแก้ปรับปรุงมาตรา 9 และมาตรา 10 ของ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินฯ ซึ่งในการถ่ายโอนทุกครั้งจะก่อให้เกิดรายได้ให้กับประชาชน ดังนั้นเราจึงควรจะปรับปรุงกฎหมายเรื่องของการคืนที่ดินที่ได้รับเข้าไปสู่ธนาคารที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งจะสามารถนำไปขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ได้ ทั้งนี้โดยผ่านการแก้ไขมาตรา 39 ใน พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินฯ รวมถึงเพิ่มเติมคำนิยามในกฎหมายเกี่ยวกับผู้ที่เข้ามาเป็นเกษตรกรให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งนโยบายดังกล่าวแม้จะเป็นเรื่องดีแต่ต้องระมัดระวัง ในเรื่องของการรับซื้อคืนเฉพาะที่ดิน ส.ป.ก. ที่มีการเช่าซื้อเท่านั้น ทั้งนี้ต้องไม่รวมถึงที่ดินที่เอามาจากป่า และต้องระวังอย่าให้มีการประเมินราคาที่ดินเกินจริง และหามาตราการป้องกันไม่ให้มีนายหน้าเข้ามาเกี่ยวข้องกับการค้าที่ดิน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทุกวันนี้เกษตรกรไทยกว่า 15 ล้านคนยังประสบปัญหาในส่วนของที่ดินทำกินและต้องต่อสู้กับความยากจนอย่างหนัก ซึ่งถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ครม. ยังคงมีความจริงใจให้กับประชาชนอย่างแท้จริง ก็ควรจะพิจารณาปรับเปลี่ยนในเรื่องของที่ดิน ส.ป.ก. เพื่อให้ผู้ที่มีรายได้น้อยและไม่มีที่ดินทำกินได้รับประโยชน์อย่างสูงที่สุด โดยการปรับระบบการใช้ที่ดิน ส.ป.ก. เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการในยุคปัจจุบันนี้ และหันมาส่งเสริมการปลูกพืชออร์แกนิค เพื่อพัฒนาครัวไทยให้เป็นครัวของโลกได้อย่างแท้จริง มากกว่าที่จะเอื้อประโยชน์ให้นายทุน ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่าในทุกๆ วิกฤติย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ