รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์การชุมนุมตั้งแต่ช่วงแรกของการชุมนุมจนมาถึงปัจจุบัน การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ สันติ และปราศจากอาวุธมาตลอด แต่เป็นที่น่ากังวลว่าในระยะหลังที่การชุมนุมเข้มข้นขึ้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ดูแลการชุมนุมกลับปล่อยให้ผู้ชุมนุมสองฝั่งปะทะกัน โดยที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าฝ่ายใดเป็นผู้กระทำ ขณะที่การสอบสวนเป็นไปอย่างล่าช้า ซึ่งแตกต่างจากการชุมนุมในอดีตที่เกิดความรุนแรง ส่วนใหญ่มาจากการกระทำของรัฐบาลที่สร้างเงื่อนไขให้เกิดการสลายการชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมในปัจจุบันได้เรียนรู้ ไม่ไว้วางใจรัฐบาลจึงหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะและใช้ความรุนแรง ทั้งนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง ตระหนักในหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเองในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างเท่าเทียม ไม่ควรปล่อยให้มีผู้ไม่หวังดีสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง แม้จะมีผู้ไม่เห็นด้วยกับผู้ชุมนุม แต่รัฐบาลในฐานะผู้กุมอำนาจและเป็นผู้สั่งการนโยบายไปยังระดับปฏิบัติการ ต้องทำให้ประชาชนทุกคนได้รับความปลอดภัยจากการแสดงออกทางการเมืองตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ ซึ่งตนเองในฐานะคณะทำงานเพื่อติดตามการชุมนุมฯของ กมธ.ฯ การปกครอง จะติดตามการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยหวังว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมอีก

นอกจากนี้ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทุกคนได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์การชุมนุมมาโดยตลอด แม้ ส.ส.ของพรรคเป็น ส.ส.เขต ส่วนใหญ่ลงพื้นที่ดูแลประชาชน แต่มีผู้ใหญ่ของพรรคเฝ้าสังเกตการณ์การชุมนุมมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นโยบายของพรรคเพื่อไทยมอบหมายให้ ส.ส.เตรียมเอกสารในการประกันตัวกรณีผู้ชุมนุมถูกจับกุมหรือถูกคุมขังในพื้นที่เขตต่าง ๆ หรือหากมีผู้ได้รับบาดเจ็บตัวแทนของพรรคเพื่อไทยจะเข้าถึงจุดเกิดเหตุและเข้าช่วยเหลือโดยทันที ด้วยใจที่เร่งทำงานและช่วยเหลือประชาชน อาจจะสื่อสารล่าช้า แต่ขอให้ผู้ชุมนุมและประชาชนสบายใจได้ว่า พรรคเพื่อไทยดูแลผู้ชุมนุมด้วยหัวใจ จากนี้ไปพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.เขตทุกท่านจะปรับปรุงการสื่อสารให้ดีมากขึ้น