“เผ่าภูมิ” ชงแนวคิด “ธนาคารเพื่อการท่องเที่ยว” ดูสินเชื่อและทิศทางพัฒนาท่องเที่ยวทั้งระบบ

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายฯพรรคเพื่อไทย และทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภาคท่องเที่ยวเป็นภาคการผลิตที่ใหญ่และสำคัญมากของไทย ครอบคลุมห่วงโซ่อุปทานไปหลายภาคส่วน การจ้างงานจำนวนมหาศาลในวงกว้าง และเป็นอนาคตของไทย แต่ภาคท่องเที่ยวมีลักษณะจำเพาะ เพราะลักษณะธุรกิจมีความไม่เป็นทางการสูง เป็นรายย่อยสูง และมีความไม่แน่นอนสูง เช่น ร้านนวดสปาริมถนน โต๊ะทัวร์ เรือท้องแบนดูปะการัง เป็นต้น ซึ่งทำให้เข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบธนาคารปกติ รวมถึงพวก Soft Loan จึงล้มตายกันมากในช่วงโควิด-19 และกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยหรือกองทุนอื่นๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่ใช่ทางออกที่ดี

ดร.เผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า จึงจำเป็นที่จะต้องมีสถาบันการเงินเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลภาคการท่องเที่ยว หรือ “ธนาคารเพื่อการท่องเที่ยว” ทั้งในแง่สินเชื่อในวิกฤตินี้และวิกฤติอื่นๆ ในอนาคต เพราะความเข้าใจในสินเชื่อลักษณะจำเพาะของภาคการท่องเที่ยวเป็นเรื่องสำคัญ มากกว่านั้น ธนาคารเพื่อการท่องเที่ยว ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่รัฐบาลจะส่งผ่านมาตรการภาครัฐผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจไปสู่ภาคท่องเที่ยว อย่างที่เรามี ธกส. ไว้รองรับมาตรการการเกษตรใหญ่ๆ ช่วยเกษตรกรตลอดมา มีธนาคารอาคารสงเคราะห์ ไว้รองรับมาตรการด้านอสังหาริมทรัพย์ และในอดีตสมัยพรรคไทยรักไทยได้ก่อตั้ง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME bank ขึ้น ซึ่งตรงนั้นเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของ SMEs ไทยในวันนี้

ดร.เผ่าภูมิ กล่าวต่อไปว่า ธนาคารเพื่อการท่องเที่ยว จะเป็นเครื่องมือในการกำหนดทิศทางการพัฒนาการท่องเที่ยวไทย ที่ปัจจุบันยังไร้ทิศทาง ยกตัวอย่าง หากเราต้องการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เราสามารถใช้ทิศทางการให้สินเชื่อ และมาตรการภาครัฐ เพื่อชี้นำการพัฒนาท่องเที่ยวในลักษณะท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้ ในพื้นที่ที่ต้องการได้ ในแบบที่ต้องการผลักดันได้ ซึ่ง ธนาคารเพื่อการท่องเที่ยว เป็นเครื่องมือด้านสินเชื่อรองรับวิกฤติในระยะสั้น และมองเป็นเครื่องมือในการกำหนดทิศทางการพัฒนาภาคท่องเที่ยวทั้งระบบในระยะยาว