“จิราพร” แนะรัฐบาลเร่งหาแนวทางฟื้นเศรษฐกิจเพื่อสู้โควิด-19 ระลอกใหม่ ชี้กู้เงินมาแจกไม่ได้แก้ปัญหาจริง
นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด ในฐานะรองโฆษก และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงโครงการ “คนละครึ่ง” ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการระยะสั้นที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในช่วงวิกฤติโควิด-19 ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ยังไม่ใช่มาตรการที่จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่กำลังจะถูกซ้ำเติมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่
ที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยการแจกเงินมาโดยตลอด รวมถึงโครงการ “คนละครึ่ง” ที่แม้จะปรับเปลี่ยนรูปแบบไปบ้างแต่ยังเป็นการแจกเงินที่ไม่แตกต่างกับนโยบายก่อนหน้านี้ของรัฐบาล มิหนำซ้ำยังเปิดสิทธิให้ลงทะเบียนอย่างจำกัด ทำให้ประชาชนต้องแย่งชิงกัน ทั้งๆ ที่เงินที่เอามาแจกนั้นเป็นเงินที่ประชาชนต้องแบกรับภาระหนี้ร่วมกัน ซึ่งทุกคนที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขควรจะมีสิทธิลงทะเบียนได้อย่างเท่าเทียม ไม่ควรทำเหมือนโปรโมชั่นส่งเสริมการขายตามห้างสรรพสินค้า ที่ต้องจัดนาทีทองให้ประชาชนแย่งชิงกันเพื่อสร้างความนิยม และนำมาอวดอ้างภายหลังว่าโครงการประสบความสำเร็จ
เมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 รัฐบาลได้ขอให้สภาผู้แทนราษฎรอนุมัติการออก พ.ร.ก.เยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 1.9 ล้านล้านบาท โดยอ้างความจำเป็นเร่งด่วนอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะนี้ผ่านมาเกือบ 7 เดือนแล้ว ปรากฏว่าในส่วนเงินสำหรับใช้ฟื้นฟูเยียวยาเศรษฐกิจและสังคม จำนวน 400,000 ล้านบาท ขณะนี้มีการอนุมัติไปแค่ราว 120,000 ล้านบาท แสดงถึงความไร้ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของ “รัฐบาล Very กู้” ที่กู้โดยไม่มีแผนรองรับอย่างเป็นระบบ ทำให้ออกมาตรการล่าช้าและแก้ปัญหาไม่ตรงจุด
นอกจากนี้ โครงการ “คนละครึ่ง” ได้ให้สิทธิ 3,500 บาท ต่อคน ต่อ 3 เดือน หรือเฉลี่ย 38.8 บาท ต่อคนต่อวัน รวมทั้ง 2 เฟสใช้วงเงินงบประมาณราว 61,250 ล้านบาท เมื่อรวมกับเงินของประชาชนอีกครึ่งหนึ่งคือ 61,250 ล้านบาท จะมีเงินอัดฉีดเข้าไปในระบบเศรษฐกิจประมาณ 125,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับมูลค่า GDP ของประเทศไทยจำนวน 15.6 ล้านล้านบาท จะเห็นได้ว่าโครงการนี้เป็นเพียงโครงการเสริมระยะสั้น ไม่เพียงพอที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ และไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาคนตกงาน โดยปัจจุบันมีคนว่างงานอยู่เกือบ 800,000 คน และมีอีกไม่น้อยที่เสี่ยงจะตกงานจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ รวมทั้งยังมีบัณฑิตจบใหม่ที่จะหางานยากหรืออาจจะหาไม่ได้เลยอีกเกือบ 600,000 คน นอกจากนี้ การแจกเงินในลักษณะดังกล่าวยังไม่ได้ช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กอยู่ได้ และไม่ได้ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
“ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจเช่นนี้ มาตรการเสริมระยะสั้นเป็นเพียงการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบได้ หากยังเน้นเพียงมาตรการเสริมแบบนี้ เมื่อมีโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่อีก รัฐบาลก็ต้องแจกไม่มีที่สิ้นสุด ถึงวันหนึ่งรัฐบาลจะไม่มีเงินพอที่จะออกมาตรการเพื่อปฏิรูประบบเศรษฐกิจ และหนี้จำนวน 1 ล้านล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยก็จะกลายเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” นางสาวจิราพร กล่าว