รัฐบาลย่ามใจหวังล้มอภิปรายไม่ไว้วางใจ “เพื่อไทย” เตือนอย่าทำลายระบอบประชาธิปไตย
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุมร่วมหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน จะเสนอญัตติด่วนให้ที่ประชุมสภาลงมติว่าจะส่งญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ในการประชุมร่วมรัฐสภานั้น ซึ่งนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ กล่าวว่า ญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลได้ผ่านการวินิจฉัยของประธานสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว และได้บรรจุเป็นวาระการประชุมพร้อมส่งให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว แต่การที่นายไพบูลย์จะนำเรื่องนี้กลับมาทบทวนใหม่นั้น ตนไม่เข้าใจว่ามีความคิดเช่นไรและคงเป็นการสมคบคิดกันที่จะทำลายระบบประชาธิปไตยมากกว่า เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และที่เห็นได้ชัดคือการเกิดความแตกแยกกันภายในของพรรคร่วมรัฐบาลเอง
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ประธานสภาบรรจุญัตติตามระเบียบแล้ว ย่อมแสดงว่าญัตติมีความถูกต้องไม่มีข้อบกพร่องใดๆทั้งสิ้น ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรหากเกิดปัญหาขึ้นในสภา แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่มีอำนาจในการวินิจฉัยเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อดูรายละเอียดของนายไพบูลย์ มีข้อความหลายข้อความที่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริง เช่นได้นำเอาสถาบันไปเกี่ยวข้องกับการเมือง ทำให้สภามีการอภิปรายเกี่ยวกับสถาบันอย่างกว้างขวาง ซึ่งตนขอยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ถ้าดูสาระสำคัญจะเห็นว่าเป็นการกล่าวหานายกรัฐมนตรีโดยตรงซึ่งเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีต้องนำเอาข้อความที่ถูกกล่าวหาไปแก้ไข
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้หากดูจากข้อบังคับสภาแล้ว สภาไม่ควรจะรับญัตติของนายไพบูลย์ เพราะไม่มีเหตุผลที่จะพิจารณาญัตติดังกล่าว และที่ผ่านมาไม่เคยมีญัตติเช่นนี้มาก่อน ที่จะตีความการอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยศาลรัฐธรรมนูญถือว่าเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย หากสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบญัตติของนายไพบูลย์โดยไม่มีเหตุผลต่อไป สภาผู้แทนราษฎรจะเดินหน้าลำบาก การร่วมมือในอนาคตจะเกิดขึ้นยาก
นอกจากนี้ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมด้วยว่า ญัตติการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านเหมาะสมแล้ว ซึ่งการหยุดการอภิปรายไม่ไว้วางใจคงไม่อาจเกิดขึ้นได้ แต่จะทำให้สังคมเห็นข้อเคลือบแคลง พร้อมตั้งคำถามเพื่อต้องการสอบจริยธรรมของนายไพบูลย์เองมากกว่าด้วย