“โฆษกเพื่อไทย” จี้รัฐเร่งหาตัวผู้ยิงแก๊สน้ำตาทำผู้ชุมนุมบาดเจ็บ
(12 กุมภาพันธ์ 2564) ผศ.ดร.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ก.พ.64 มีการแก๊สน้ำตาจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บว่า การชุมนุมครั้งนี้ปราศจากอาวุธ ขณะที่เจ้าหน้าที่วางกำลังจุดตรวจคัดกรองเข้าออกทุกเส้นทาง จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ชุมนุมจะนำอาวุธหรืออุปกรณ์ที่เป็นอันตรายเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมได้ รัฐบาลไม่ควรปัดความรับผิดชอบกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น ต้องสอบสวนให้เกิดความกระจ่างว่าใครเป็นผู้กระทำ
ผศ.ดร.อรุณี กล่าวต่อว่าในการปฏิบัติกับผู้ชุมนุมที่ผ่านมา ยังขัดกับหลักสากลและหลักสิทธิมนุษยชน สวนทางกับประชาคมโลกที่ต่อต้านการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ แม้วันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของสหรัฐฯโทรศัพท์พูดคุยกับเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) แสดงความกังวลถึงการชุมนุมประท้วงในไทยที่จับกุมและดำเนินคดีกับประชาชนผู้ชุมนุมโดยไม่ฟังเสียงห่วงใยจากสหรัฐ รัฐบาลไม่เคยตระหนักว่าการกระทำใดๆที่ไม่ชอบธรรมจะทำให้ขาดการยอมรับจากนานาประเทศ
“อยากให้พลเอกประยุทธ์มองสถานการณ์การเมืองและรัฐประหารยึดอำนาจในเมียนมาเป็นตัวอย่าง เพราะสัปดาห์หน้านายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะใช้มาตรการต่างๆเพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าคณะรัฐประหารสามารถเข้าถึงเงินทุนของรัฐบาลเมียนมาที่ถือครองในสหรัฐฯกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 30,000 ล้านบาทได้ และจะควบคุมการส่งออกอย่างเข้มงวด โดยจะอายัดทรัพย์สินที่เป็นของสหรัฐฯและเป็นประโยชน์แก่รัฐบาลเมียนมา เป็นต้น หากไทยยังคงใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมทางการเมืองโดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือบ่อยครั้ง จนทำให้ไทยสูญเสียความเชื่อมั่นกับชาวโลก อาจทำให้สหรัฐเพ่งเล็งมาที่ไทย และจะกระทบกับการค้าการลงทุนระหว่างกันได้ในอนาคต เพราะไทยส่งออกไปสหรัฐมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก มูลค่าการส่งออกในปีที่ผ่านมาอยู่ที่กว่า 1 ล้านล้านบาท” ผศ.ดร.อรุณี กล่าวสรุป