คำกล่าวเปิดญัตติ โดย ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล (16 – 19 กุมภาพันธ์ 2564)

กราบเรียน ท่านประธานสภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติ

ผม นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

จากที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมกันยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งได้ยื่นต่อท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ผมขอกล่าวสาระสำคัญในญัตติดังกล่าว ดังนี้

ข้าพเจ้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้มีรายนามท้ายญัตตินี้ ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่า หนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ขอเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตามรายนามดังต่อไปนี้

  1. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
  2. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
  3. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
  4. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
  5. พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
  6. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
  7. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
  8. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
  9. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
  10. ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โดยมีพฤติการณ์และเรื่องที่จะอภิปราย ดังนี้

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้จิตสำนึกและความรับผิดชอบ มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเพื่อสร้างความร่ำรวย มั่งคั่งให้กับตนเองและพวกพ้อง ท่ามกลางภาวะที่ประชาชนดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก และมีการระบาดของโรคโควิด ๑๙ ยิ่งทำให้สภาพเศรษฐกิจดิ่งเหว ทั้งหมดเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของตนเอง มีการใช้อำนาจแลกผลประโยชน์ทำให้การทุจริตแพร่กระจายไม่ต่างจากโรคระบาด จนได้ชื่อว่าเป็นยุคที่การทุจริตเฟื่องฟู เบ่งบานมากที่สุด ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เปิดเผย ปกปิดการกระทำความผิดของตนเองและพวกพ้อง ไม่มีความรอบคอบ ระมัดระวังในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน ไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ มุ่งประโยชน์แต่การสร้างความนิยมชมชอบให้กับตนเอง โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ สร้างความแตกแยกในสังคม ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์และทำลายผู้เห็นต่าง ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนและสื่อมวลชน ปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันกระจายไปทั่ว ไม่ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม และสิทธิมนุษยชน ทำลายระบบคุณธรรมในระบบราชการ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม การบริหารราชการแผ่นดินของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อสร้างความร่ำรวย มั่งคั่งให้กับตนเอง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ทุจริต ต่อหน้าที่ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองและพวกพ้อง ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ และไร้ความสามารถ ไม่ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ ส่งผลให้มีการแพร่ระบาด ในรอบสองอย่างกว้างขวางและรวดเร็วสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ปกปิด อำพรางการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรค เพื่อเปิดช่องให้มีการทุจริต แสวงหาประโยชน์บนความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ดำเนินนโยบายที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บริหารราชการแผ่นดิน บกพร่อง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบ ลอยตัวหนีปัญหา เลือกปฏิบัติ พูดอย่างทำอย่าง ไม่ยึดถือหลักธรรมาภิบาล และไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมือง ที่ดี แต่งตั้งบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ เข้ามาเพียงเพื่อแสวงหาประโยชน์ แก่ตนเอง และพวกพ้อง ในลักษณะแบ่งแยกหน้าที่กันทำ ทุจริตในหน่วยงานที่กำกับ มีพฤติกรรมฉ้อฉล ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต จงใจปกปิดข้อมูล ปกป้องการทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ใช้อำนาจด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่เสียสละ ไม่เปิดเผย และไม่มีความรอบคอบ ระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม ผลของการปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้หน่วยงานของรัฐในกำกับเกิดความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างร้ายแรง

พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บริหารราชการแผ่นดินโดยมิได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวมแต่กลับใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ เพื่อตนเองและพวกพ้อง ใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อวางแผนในการทุจริตอย่างเป็นระบบและแยบยล ปล่อยปละละเลยให้องค์กรในกำกับมีการทุจริตอย่างกว้างขวาง ใช้อำนาจด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่เสียสละ ไม่เปิดเผย แต่กลับปกปิดการกระทำความผิดของตนและบุคคลแวดล้อม ไม่ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่เคารพหลักการสิทธิมนุษยชน ละเว้นและบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรมจริยธรรม ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบ ขาดวุฒิภาวะและความเป็นผู้นำที่ดี ใช้อำนาจแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำในลักษณะกดขี่ข่มเหงข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้มีบุคคลหลายรายซึ่งเป็นพวกพ้องของตนเข้าสู่ตำแหน่ง และแสวงหาประโยชน์โดยการทุจริตมีพฤติกรรมฉ้อฉล ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต จงใจปกปิดข้อมูลเพื่อปิดบังการทุจริต ผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ ไม่ยึดหลักนิติธรรม เลือกปฏิบัติ ไม่ยึดถือหลักธรรมาภิบาล และไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน บริหารราชการผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยให้มีการแสวงหาประโยชน์จากผู้ใช้แรงงาน ไม่กำกับควบคุมผู้ใช้แรงงานต่างด้าวให้เป็นระบบ จนเกิดแรงงานผิดกฎหมายจำนวนมาก สร้างผลกระทบอย่างชัดเจนต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ จนส่งผลเสียหายแก่ประเทศและเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง กระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างร้ายแรง ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีพฤติการณ์ใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนและพวกพ้อง สร้างความแตกแยกให้เกิดในสังคม ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังระหว่างผู้ที่เห็นต่าง ละเมิดหลักนิติรัฐ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม บริหารรราชการแผ่นดินโดยเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่เกิดกับประเทศชาติและประชาชน เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนผูกขาด เพื่อให้มีสิทธิดำเนินงานในกิจการของรัฐ โดยไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ ทุจริตต่อหน้าที่และปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต ในหน่วยงานที่กำกับดูแล สมคบกันเพื่อปิดบังการทุจริต ไม่ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่อง ล้มเหลวอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ และกระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง โดยไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐอย่างเคร่งครัดปกปิดข้อมูลความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในการยื่นหรือการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล กร่างเถื่อน และสร้างอิทธิพลให้กับบริวารและพวกพ้อง ปกป้องพวกพ้องโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเสนอให้มีการแต่งตั้งคู่สมรสที่อยู่กินฉันสามีภรรยาเป็นข้าราชการการเมือง โดยไม่คำนึงถึงวุฒิภาวะและความเหมาะสม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดบรรจุญัตตินี้ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาโดยด่วน ส่วนเหตุผลและรายละเอียดต่างๆ จะได้แถลงและชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

ผมขอกล่าวว่า วันนี้ เป็นวันที่จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะเป็นวันเริ่มต้นนับถอยหลังไปสู่จุดจบของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
4 วันนับจากนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน
• จะเปิดเผยความไร้ประสิทธิภาพ ขลาดเขลา เบาปัญญาของผู้บริหารประเทศอย่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
• จะเปิดโปงการทุจริตฉ้อฉลของพลเอกประยุทธ์และคณะ
• และจะเปิดหน้ากากของพลเอกประยุทธ์ ที่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จทำร้ายประเทศชาติบั่นทอนประชาธิปไตย และคุกคามเสรีภาพของประชาชน
เวลา 6 ปี 8 เดือน 26 วัน ที่พลเอกประยุทธ์บริหารประเทศนี้ ทั้งในฐานะหัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการรัฐประหาร และในฐานะนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญที่ถูกออกแบบเพื่อพลเอกประยุทธ์และพวกพ้อง ทำให้เศรษฐกิจของประเทศชาติพังพินาศ ประชาชนทุกข์ยากแสนเข็ญยิ่งกว่ารัฐบาลใดๆ ในรอบ 8 ทศวรรษ
ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะมากที่สุดในประวัติศาสตร์
ธุรกิจใหญ่น้อยล้มละลายทั่วทุกหัวระแหง ยิ่งกว่าวิกฤตเศรษฐกิจทุกครั้งที่ผ่านมารวมกัน
ประชาชนมีความทุกข์ยากอย่างถึงที่สุด อึดอัดคับข้องใจในชะตากรรมที่ต้องใช้ชีวิต ภายใต้การบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์มากที่สุด และสุดท้าย ต้องตัดสินใจจบชีวิตตัวเองมากที่สุด
ผู้ชายคนหนึ่งสิ้นหวังในชีวิตเพราะตกงาน จึงพาบุตรสาวตัวน้อยพเนจรไปพึ่งพาวัดธรรมนิยม ตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเมื่อทุกข์ที่สุดจนสุดจะทานทน ในวันที่ 19 เมษายน 2563 เขาตัดสินใจโดดน้ำเพื่อหนีไปให้พ้นจากชีวิตที่มืดมน แต่ยิ่งน่าเศร้าใจ เมื่อบุตรสาววัย 5 ขวบร้องว่า “พ่ออย่าทิ้งหนู” แล้วกระโดดน้ำตามพ่อของเธอลงไป ในที่สุดจมน้ำตายทั้งพ่อลูก

ท่านประธานสภาฯ ที่เคารพ
ผมอยากรู้จริงๆ ว่า ในใจพลเอกประยุทธ์รู้สึกอย่างไร สะเทือนใจไปด้วยหรือไม่ ประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของพลเอกประยุทธ์ทุกข์ยากเช่นนี้ เขานอนหลับลงในแต่ละคืนได้อย่างไร เขายังยิ้มแย้มสำเริงสำราญได้อย่างไร
พลเอกประยุทธ์ไม่เคยทำตามสัญญาที่เขาให้ไว้เมื่อเกือบ 7 ปีที่แล้ว ว่าจะคืนความสุขมาให้ประชาชน
• แทนที่พลเอกประยุทธ์ จะเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง เขากลับเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง
• แทนที่พลเอกประยุทธ์ จะแสวงหาทางออกในทุกปัญหา เขากลับตีโพย ตีพาย เห็นปัญหาในทุกทางออก
• แทนที่พลเอกประยุทธ์ จะคิดเก่ง ทำเก่ง ดังเช่นที่เขาเคยโอ้อวดว่า การบริหารประเทศไม่เห็นยากเลย พลเอกประยุทธ์กลับบริหารประเทศแบบคิดไป ทำไป ไม่มีการวางแผน ไม่รอบคอบ ไม่รัดกุม กลับไปกลับมา และโยนความผิดให้ประชาชน ทำให้เมื่อเผชิญวิกฤตอย่างโรคโควิด -19 ประชาชนจึงทุกข์แสนสาหัส ธุรกิจใหญ่น้อยจึงทยอยล้มลง แม้ธุรกิจที่ยืนหยัดต้านทุกวิกฤตมาได้หลายสิบปี ก็ต้องปิดกิจการในยุคของพลเอกประยุทธ์
พลเอกประยุทธ์ลืมไปว่า ประชาชน 67 ล้านคนจ่ายเงินเดือนให้เขามาทำงาน เพื่อทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น
• ประชาชนต้องการนายกรัฐมนตรีที่ห่วงใยประชาชน มากกว่าห่วงการรักษาอำนาจของตนเอง
• ประชาชนต้องการนายกรัฐมนตรี ที่ทำสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่านายกรัฐมนตรีที่สนใจแต่ความนิยมในโพลที่ลิ่วล้อบริวารเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมา

พลเอกประยุทธ์ไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่สามารถรวมพลังผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยกันพัฒนาประเทศชาติ
พลเอกประยุทธ์ได้แต่อวดอ้างไปวันๆ ว่า ตนซื่อสัตย์ แต่กลับนิ่งดูดาย วางเฉยให้พวกพ้องและบริวารทุจริตฉ้อฉล
รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จึงเป็นได้เพียง “รัฐบาลปรสิต” ที่กัดกร่อนอนาคตของประเทศและกลืนกินความฝันของประชาชน รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ไม่ใช่รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน

ท่านประธานสภาฯ ที่เคารพ
วันนี้ เรามาประชุมร่วมกันในที่นี้ เพื่อร่วมกันยืนยันให้ประชาชนได้ประจักษ์ว่า การเมืองในระบบรัฐสภา ยังเป็นที่พึ่งหวังให้กับประชาชนได้
ดังนั้น เราต้องร่วมสร้าง “การเมืองแห่งความหวัง”
เราจะประกาศศักดิ์ศรีของนักการเมืองที่รักประเทศชาติ รักประชาชน ว่าพร้อมจะทำหน้าที่อย่างองอาจ ไม่หวั่นเกรงต่ออำนาจอยุติธรรม และไม่หวั่นไหวต่อผลประโยชน์ใดๆ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะอภิปรายคนแล้วคนเล่าไม่หยุดยั้ง เพื่อแสดงหลักฐานอย่างแจ้งชัดว่า เราไม่อาจยินยอมให้พลเอกประยุทธ์ยังทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป แล้วฉุดรั้งให้ชีวิตประชาชน จมดิ่งสู่ความทุกข์ทนยิ่งกว่านี้อีก
เราเชื่อมั่นว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะเป็นแสงแห่งความหวังที่ส่องสว่างไปทุกแห่งหน เพื่อไล่ความมืดมนที่พลเอกประยุทธ์สร้างไว้มาเกือบ 7 ปี และเพื่อให้กำลังใจพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า จากแม่สายถึงเบตง จากแม่สะเรียงถึงศรีเมืองใหม่ว่า เราต้องมีความหวังอยู่เสมอ
เพราะจุดจบของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์กำลังมาถึงในไม่ช้านี้

ท่านประธานสภาฯ ที่เคารพ
หลังจากที่ผมได้พูดญัตติการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจบ ผมจะขออนุญาตให้ ท่านสุทิน เป็นผู้อภิปรายขยายประเด็นของผมในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ต่อไป

ขอขอบคุณ ท่านประธานสภาฯ

หมายเหตุ : นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเปิดญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล (16 – 19 กุมภาพันธ์ 2564) ในวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 23 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564