“ชลน่าน” เปิดเส้นทางโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ ใครรับส่วย?
(17 กุมภาพันธ์ 2564) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ประเด็นบทบาทการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา, พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณีความล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพการบริหารแผ่นดิน ในช่วงโควิด-19 เชื่อมโยงขบวนการส่วยแรงงามข้ามชาติ โดยนายแพทย์ชลน่าน เริ่มอภิปราย ถึงโครงสร้างการบริหารสถานการณ์โควิด ที่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรวบอำนาจในการบริหารสถานการณ์โควิดมาไว้ที่นายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แม้จะอ้างการใช้อำนาจแบบฉุกเฉินแต่บริหารงานแบบไม่ฉุกเฉิน มีการรวบอำนาจไว้ที่ตน ทั้งที่งานนี้คืองานด้านการแพทย์สุขภาพ แทนที่จะใช้บุคลากรด้านการแพทย์ที่เชี่ยวชาญโรคระบาด แต่กลับเอาบุคคลด้านฝ่ายความมั่นคง มานั่งตัดสินใจสถานการณ์โควิด เอาทหารมารักษาโรค คือการใช้คนไม่ถูกกับงาน เอาคนรู้งานชำนาญงานไปอยู่ข้างนอกหมด นี่คือการเสพติดอำนาจแบบไม่รับฟังใคร
นายแพทย์ชลน่าน อภิปรายต่อว่า เมื่อการระบาดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ เกิดขึ้นจากขบวนการการค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติ มีชาวเมียนมา ชาวโรฮินจา และคนจีนที่ติดเชื้อโควิดและเดินทางเข้ามาประเทศไทย แรงงานเมียนมามาทำงานที่ตลาดกลางกุ้ง สมุทรสาคร จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นระบาดระลอกใหม่ คล้ายคลึงกับกรณีบ้านเช่าที่ชาวโรฮีนจาเช่าอาศัยพักพิง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุจากหน่วยงานความมั่นคงปล่อยปละละเลย ให้แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าประเทศ และระบาดไปใน 28 จังหวัดแต่รัฐบาลประกาศควบคุมพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงพื้นที่ไม่มีโควิด ทำให้คนไทยเดือดร้อนลำบากอีกครั้งทั่วประเทศ
นายแพทย์ชลน่าน อภิปรายถึงกรณีขบวนการค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติว่าเกิดขึ้นหลังรัฐประหาร 2557 ในยุคนั้น มีการจัดขบวนการค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติ มีการจัดระบบเพื่อประมูลส่วย สาเหตุสำคัญที่ทำให้แรงงานต่างชาติทะลักเข้ามาได้จำนวนมากคือการแก้ไข พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 เป็น พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 โดยมีสาระสำคัญใน ม.14 ข้อความว่า ในกรณีพิเศษเฉพาะเรื่องที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคง หรือเศรษฐกิจของประเทศ หรือปัดป้องภัยพิบัติสาธารณะ รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จะอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรภายใต้เงื่อนไขใดๆ หรือจะยกเว้นไม่จำเป็นปฏิบัติตามพระราชกำหนดนี้ในกรณีใดๆ ก็ได้ นี่คือสาเหตุเปิดช่องให้แรงงานต่างด้าวเข้าประเทศไทยได้ง่ายขึ้น ไร้การคัดกรองดูแลป้องกันอย่างเพียงพอ และเมื่อกลุ่มแรงงานต่างชาติเข้ามาก็ขนเอาขบวนการหากินกลุ่มคอลเซ็นเตอร์แรงงานจีนข้ามชาติ กลุ่มแรงงานต่างชาติสมุทรสาคร กลุ่มส่วยแรงงานต่างด้าวและโรฮินจา มีคนเชื่อมโยงรับส่วยหลักร้อยล้านบาทเป็นคนจัดการระบบส่วย และพื้นที่เป้าหมายที่พาเข้ามา เริ่มต้นเส้นทางจากจังหวัดตาก เข้ามาอยู่พักและทำงานในจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการและกรุงเทพมหานคร โดยมีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามามากกว่า 2 ล้านคน
เมื่อเกิดการระบาดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวเหล่านี้ รัฐบาลก็ปิดบังตรวจเชื้อทุกคนในพื้นที่ ซึ่งถ้ายิ่งตรวจก็จะยิ่งพบ ยิ่งตระหนก จึงเปลี่ยนเป็นล็อกพื้นที่ทั้งตำบล เช่น ที่ล็อกพื้นที่ 2 ตำบลในจังหวัดสมุทรสาคร ล็อกไว้ 14 วันห้ามเคลื่อนย้าย และถ้าเกิดพบคนมีอาการ ค่อยเอาตัวออกมารักษา ใครไม่มีอาการ(ซึ่งไม่ได้หมายความว่าไม่มีเชื้อ) ก็ให้อยู่ดูจนครบ 14 วัน ค่อยปล่อยออกมาให้เคลื่อนย้ายกลับบ้านหรือกลับที่พัก ซึ่งวิธีการนี้จะไม่ต้องเสียงบประมาณ
นอกจากนี้ส่วยขบวนการแรงงานข้ามชาติ ยังทำงานเป็นระบบ วางระบบขยายเครือข่ายมาตั้งแต่ปี 2557 มีผู้มียศตำแหน่งเกี่ยวข้อง มีหัวหน้าทีมนายทุน เคลียร์เส้นทางการพาแรงงานข้ามชาติหลบหนี มีการจัดเตรียมพาหนะ โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร รีสอร์ทให้ที่พักพิงอย่างเป็นขบวนการ ทีมงานมีตำแหน่งตั้งแต่ผู้หมวดไล่ขึ้นไปถึงพันตำรวจเอกและสูงกว่านั้นไปถึงหัวหน้าขบวนการ และเมื่อมีข่าวจับกุมแรงงานเมียนมาหรือโรฮีนจาได้ ก็มักเป็นข่าวแค่เพียงวันสองวัน และเรื่องนั้นก็จะเงียบหายไป ยกตัวอย่างการจับแรงงานเมียนมา 17 ราย เป็นข่าวแค่วันเดียว ก็เงียบหาย สิ่งเหล่านี้คือหลักฐานการปล่อยปละละเลยให้มีขบวนการค้าแรงงานข้ามชาติจนเป็นสาเหตุสำคัญของการระบาดของเชื้อโควิด-19 ในระลอกใหม่ดังกล่าวนี้
“ท่านโกหก สร้างภาพ ไร้ความจริงใจ มันจึงน่าจะหมดเวลาของท่านแล้ว อย่าได้ทำร้ายประเทศชาติจากการบริหารราชการแผ่นดินแบบไร้ประสิทธิภาพอีกเลย ผมไม่อาจไว้วางใจให้ท่านได้บริหารประเทศต่อไปได้แม้แต่วินาทีเดียว” นายแพทย์ชลน่าน กล่าว