“ประเสริฐ” แฉกลางสภา “นายกฯ – รมว.พาณิชย์” ปล่อยปละละเลยทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง อคส. เสียหาย 2,000 ล้านบาท โทษแค่สั่งย้ายแต่ไม่อายัดเงิน

(18 กุมภาพันธ์ 2564) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ประเด็น การทุจริตการจัดซื้อถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า หรือ อคส. เกี่ยวข้องกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยอภิปรายว่า การจัดซื้อถุงมือยางขององค์การคลังสินค้าไม่ได้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนปฏิบัติของกฎหมาย มีประเด็นส่อไปในทางทุจริตโยงไยไปถึงบริษัทเอกชนหลายแห่ง โดยเริ่มต้นจากการที่มีบริษัทแห่งหนึ่งจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีหนังสือต้องการซื้อถุงมือยางจำนวน 500 ล้านกล่อง ราคากล่องละ 230 บาท โดยทางผู้อำนวยการฝ่ายขาย อคส.จึงแจ้งให้ที่ประชุมผู้บริหารองค์การคลังสินค้า มีรักษาการผู้อำนวยการ อคส.รับทราบหนังสือดังกล่าว จากนั้น อคส. ได้เจรจาซื้อถุงมือยาง จากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง โดยได้รับการเสนอขาย ราคากล่องละ 225 บาท มีเงื่อนไขต้องชำระเงินล่วงหน้า จำนวน 2,000 ล้านบาท มีข้อสังเกตว่าการเจรจาซื้อขายดังกล่าว ไม่มีการตรวจสอบราคา ผิดขั้นตอนกฎหมายและยังมีความพยายามเร่งรัดให้ดำเนินการจัดซื้อถุงมือยางจากบริษัทดังกล่าวอย่างเร่งด่วน

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า เมื่อมีบริษัทผู้ขายถุงมือยาง ก็ย่อมต้องมีบริษัทผู้ซื้อ ต่อมาจึงมีหนังสือเวียนแจ้งว่า มีบริษัทเอกชน 7 แห่งประสงค์ขอซื้อถุงมือจากองค์การคลังสินค้า โดย 3 บริษัทแรก ขอซื้อถุงมือยางจำนวนรวม 652 ล้านกล่อง มูลค่ารวม 149,000 ล้านบาท โดยมีข้อสังเกตว่า 3 บริษัทนี้ ไม่ได้มีสัญญาจริง เป็นการสร้างหลักฐานเท็จ เพื่อให้เห็นว่ามีคำสั่งซื้อต้องการถุงมือยางจำนวนมาก แต่ไม่มีรายละเอียดการซื้อขาย เช่นการวางเงินมัดจำ วิธีชำระเงิน หลักทรัพย์ค้ำประกันสัญญา เป็นเพียงแค่การสร้างหลักฐานให้รู้สึกว่ามีผู้ซื้อพร้อมรอซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้า เพื่อเป็นเหตุผลสมควรให้รีบจัดซื้อจัดหาถุงมือยางจากบริษัทผู้ขาย

จากนั้นมีอีก 4 บริษัท ที่แสดงความจำนงของซื้อถุงมือยาง จำนวน 174 ล้านกล่อง ราคารวม 37,100 ล้านบาท โดยมีข้อสังเกตว่า 4 บริษัทดังกล่าวนี้ บ้างเป็นเพียงสำนักงานกฎหมาย บ้างมีทุนจดทะเบียนแค่ 1 ล้านบาท และเมื่อรวมคำสั่งซื้อทั้ง 7 บริษัทแล้ว จะมียอดคำสั่งซื้อ 826 ล้านกล่อง มูลค่า 186,100 ล้านบ

นอกจากการทำสัญญาซื้อขายที่ดูรีบเร่ง ไม่ตรวจสอบบริษัทผู้ซื้อและผู้ขายถุงมือยางให้รอบคอบแล้ว การทำสัญญาดังกล่าวยังไม่ผ่านการพิจารณาจากอัยการสูงสุด ทั้งที่ในความจริงแล้ว บริษัทผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ในประเทศไทยยังมีกำลังการผลิตถุงมือยางแค่ปีละ 300 กว่าล้านกล่องเท่านั้น แล้วจะไปหาบริษัทอื่นที่ไหนจะมาสามารถผลิตได้ถึง 826 ล้านกล่องต่อปี

ประเด็นการส่อทุจริตเกิดขึ้น เมื่อมีความเร่งรีบในการชำระเงินล่วงหน้าให้แก่บริษัทผู้ขายถุงมือยาง จำนวน 2,000 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีเงินฝากประจำของ อคส. และพันธบัตร โดยผู้อำนวยการ อคส. กล่าวว่าเป็นโอกาสดีที่ อคส. จะได้ทำกำไรให้กับองค์กร หลังจากขาดทุนมาหลายปี จึงได้เบิกเงินจำนวนดังกล่าวไปจ่าย ขณะที่เจ้าหน้าที่ใน อคส. โต้แย้งว่าน่าจะรอสักระยะเพราะเงินฝากในบัญชีดังกล่าวกำลังจะครบอายุเงินฝากและจะได้ดอกเบี้ย เมื่อเกิดปัญหาขึ้น กมธ.การพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร ได้มีข้อสังเกตทักท้วงให้แก้ไข แต่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้กำกับดูแล อคส. ไม่ได้ดำเนินการระงับยับยั้งปัญหาดังกล่าว มากกว่านั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ผู้กำกับดูแลได้ย้ายผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่พบการตรวจสอบหรือสั่งอายัดเงินจำนวน 400 ล้านบาทจากบริษัทเอกชน


“นอกจากจะย้ายคนเกี่ยวข้องไปไว้ข้างตัว แต่กลับไม่ได้สั่งระงับการจ่ายเงิน ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหาย เป็นการวางแผนร่วมมือกันทุจริตอย่างเป็นระบบ เป็นการนำเงินหลวงไปเป็นประโยชน์ต่อตนและพวกพ้อง และต่อไป ตนจะนำข้อกล่าวหาดังกล่าวไปแจ้งต่อ ป.ป.ช.และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป” นายประเสริฐ กล่าวสรุป