“ชวลิต” เผย “จิราพร” นักการเมืองรุ่นหลานอภิปรายน็อกนายกฯ คาสภา กรณีเหมืองทองอัครา

(19 กุมภาพันธ์ 2564) นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ว่า วันนี้ย่างเข้าสู่วันที่ 4 ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แม้พรรคร่วมฝ่ายค้านยังมิได้อภิปรายสรุปก็ตาม ชาวบ้านส่งข่าวมาจำนวนมากว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถูกน็อกกลางสภา ไปแล้วจากการอภิปรายของ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กรณีเหมืองทองอัครา พี่น้องประชาชนที่ติดตามการอภิปรายแจ้งข่าวเข้ามาชื่นชมการอภิปรายของ น.ส.จิราพรมากมายแล้วบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถตอบคำถาม น.ส.จิราพร ได้เลยแม้แต่คำถามเดียว สภาพการณ์เช่นนี้จึงเหมือนกับ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกน็อคกลางสภาไปแล้วด้วยฝีมือนักการเมืองรุ่นหลาน


ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจใช้มาตรา 44 เข้าแก้ไขปัญหากับบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศเป็นเหตุให้ตกเป็นเบี้ยล่างเมื่อคดีความไปสู่อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ลุแก่อำนาจ มิได้ใช้หลักนิติธรรมในการบริหารประเทศ นี่เป็นจุดอ่อนอย่างยิ่งเมื่อมีคดีความสู่อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ


การปิดเหมืองทองอัคราด้วยมาตรา 44 โดยมีเหตุผลสำคัญว่า เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนรักษาคุณภาพชีวิตประชาชน แต่พอรูปคดีเสียเปรียบด้วยขาดหลักนิติธรรม กลับจะประเคนทรัพยากรธรรมชาติให้บริษัทต่างชาติหลายแสนไร่สำรวจแหล่งแร่เพื่อขอสัมปทาน สภาพการแก้ปัญหาจึงกลับไป กลับมา เดี๋ยวปิดเหมือง เดี๋ยวเปิดให้สำรวจแหล่งแร่หลายแสนไร่ ย้อนแย้งกันกับหลักการเดิมที่ใช้มาตรา 44 แก้ปัญหา เข้าทำนอง ยิ่งแก้ ยิ่งยุ่ง ยุ่งเหมือนลิงแก้แห


นายชวลิต กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะรับผิดชอบต่อการลุแก่อำนาจของตนอย่างไร ผมมองไม่เห็นหนทาง เพราะยากที่จะเห็นสปิริตจากผู้มาจากการก่อการรัฐประหาร ทางออกมีประการเดียว คือ พรรคร่วมรัฐบาลที่จะต้องเดินงานการเมืองตามแนวทางประชาธิปไตยต่อไป จะทนเห็นสภาพประเทศชาติและประชาชนเสียหายไปมากกว่านี้อีกหรือไม่ ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลทนได้ ประชาชนคงจะไม่ให้โอกาสทางการเมืองกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกต่อไป เพราะจะนำประเทศชาติและประชาชนลงสู่หุบเหวจนยากที่จะปีนป่ายขึ้นมาพัฒนาประเทศชาติให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านได้ ที่สำคัญ ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ในหมู่ประชาชนจะมากขึ้น ๆ จนยากจะเยียวยา ประชาชนจึงฝากความหวังอนาคตลูกหลานและประเทศขาติ ให้อยู่ในมือผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน

“ 7 ปีที่ผ่านมาเพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ได้ว่า บ้านเมืองไม่สามารถก้าวหน้าไปได้ ถ้าประเทศขาดความเชื่อมั่น โดยเฉพาะความเชื่อมั่นผู้นำประเทศที่มาจากการยึดอำนาจและวางกติกาเพื่อสืบทอดอำนาจ ต่างประเทศไม่ให้ความเชื่อมั่นเลย” นายชวลิต กล่าว