“วิสาร” เปิดภาพ “บ้านธนารักษ์” เพื่อสวัสดิการทหารเจ็บป่วย สุดท้ายโอนเปลี่ยนมือเป็นโรงแรมหรูให้เอกชน
(19 กุมภาพันธ์ 2564) นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ประเด็นการแสวงหาประโยชน์ให้พวกพ้องของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยนายวิสาร อภิปรายว่าภายหลังการรัฐประหาร 2557 ที่จังหวัดในภาคเหนือ มีธุรกิจประเภทหนึ่งที่เฟื่องฟูขึ้นมาโดยใช้ทรัพย์สินของรัฐไปเล่นแร่แปรธาตุหาประโยชน์นั้นคือการสร้างบ้านธนารักษ์ กองทัพบก ที่อ้างว่าเพื่อเป็นบ้านสวัสดิการให้กับทหารชั้นผู้น้อยในกองทัพได้มีบ้านพักอาศัยในราคาถูก ซึ่งปกติก็มีโครงการทำนองนี้อยู่แล้ว แต่ภายหลังกลายเป็นการเปิดช่องให้มีการโอนย้ายถ่ายมือจากทหารชั้นผู้น้อยไปเป็นบ้านของเอกชนบุคคลภายนอกเข้าไปทำธุรกิจหาประโยชน์ จากบ้านธนารักษ์ดังกล่าว ยกตัวอย่าง บ้านธนารักษ์ จังหวัดเชียงราย ได้จัดสร้างบ้านคุณภาพดี ราคาเริ่มต้น 3 แสนบาท ราคาสูงสุดไม่เกิน 7 แสนบาท อายุสัญญาเช่า 30 ปีและต่อสัญญาอีก 30 ปี และภายหลังครบ 5 ปีสามารถจดจำนองสิ่งปลูกสร้าง และมีค่าเช่าที่ดินกับราชพัสดุ กรมธนารักษ์แค่ปีละ 1.5 บาทต่อตารางวาเท่านั้น จึงทำให้บ้านธนารักษ์ เป็นที่สนใจของคนทั่วไปจึงเกิดการเปลี่ยนมือ จากบ้านของนายทหารชั้นผู้น้อย กลายไปอยู่ในมือของชาวบ้านทั่วไป และส่งผลต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ใกล้เคียงกล่าวคือ ในขณะที่บ้านของกรมธนารักษ์ราคาสูงสุดไม่เกินแค่ 7 แสนบาท แต่บ้านจัดสรรทั่วไปในบริเวณใกล้เคียงที่มีขนาดและพื้นที่ใกล้เคียงกัน มีราคาแพงกว่า 3 เท่าเกิดส่วนต่างบ้านละ 2 ล้านบาท ซึ่งต้องถามว่าใครได้ประโยชน์ และที่เล่าลือกันมากกว่านั้นคือ ผู้รับเหมาก่อสร้างทรงอิทธิพลในโครงการบ้านธนารักษ์ที่สร้างบ้านอย่างคึกคักทั่วประเทศนี้ ใช่บริษัทลูกหลานผู้มีอำนาจที่จดทะเบียนในค่ายทหารหรือไม่
นอกจากนี้ไม่ใช่แค่หมู่บ้านธนารักษ์แห่งนี้เท่านั้น ตัวอย่างอีกโครงการหนึ่ง กลางเมืองเชียงราย จัดสร้างขึ้นโดยอ้างว่าใช้เป็นบ้านสวัสดิการให้ทหารชั้นผู้น้อยที่เจ็บไข้ได้ป่วยจากราชการสนาม แต่บ้านสร้างขึ้นมาหรูหรายิ่งกว่าโรงแรมระดับ 5 ดาว อยู่กลางเมืองเชียงรายริมแม่น้ำกก วิวสวยงาม ท้ายสุดบ้านทั้งหมู่บ้านนี้ก็ถูกเปลี่ยนมือกลายเป็นโรงแรมหรูสไตล์ลานนากลางเมืองเชียงราย สร้างรายได้ให้พ่อค้า ผู้รับเหมา นักธุรกิจ เป็นการแปรธาตุสมบัติของราชการไปเป็นธุรกิจของเอกชน ท้ายสุด บ้านธนารักษ์ สวัสดิการทหาร ทหารผู้น้อยไม่ได้ประโยชน์แม้แต่น้อย แต่กลายเป็นแหล่งบ่อเงินบ่อทองให้ลูกหลานผู้มีอำนาจเข้ามาตักตวงหาผลประโยชน์โดยไม่สามารถตรวจสอบได้
นายวิสาร อภิปรายต่อถึงการใช้กฎหมาย ม.44 เพิ่มอำนาจให้ กอ.รมน. มีอำนาจครอบจักรวาล ที่แย่สุดคือแต่งตั้งตำแหน่ง กอ.รมน.ภาค จังหวัดทับซ้อนกับตำแหน่งราชการปกติ หน้าที่ กอ.รมน.ที่ต้องไปต่อสู้กับอริราชศัตรูชายแดน แต่เปลี่ยนไปทำแผงไฟโซลาเซลล์ โดยใช้เงินทุนจากกองทุนพัฒนาพลังงาน แต่ที่น่าสงสัยคือแผงไฟโซลาเซลล์ของ กอ.รมน. มีราคาสูงกว่าแผงไฟโซลาเซลล์ในท้องตลาดที่มีสเปกเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ แผงไฟโซลาเซลล์ ของ กอ.รมน. พบว่าใช้งานไม่ได้ หลายแห่งไม่พบการก่อสร้างโซลาเซลล์ตามระบุในสัญญา จึงมีคำถามว่า กอ.รมน.มีหน้าที่อะไรระหว่างรักษาความมั่นคงชายแดน หรือเอาเงินหน่วยงานอื่นมาทำโครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ตนเอง และมิใช่แค่ทำแผงไฟโซลาเซลล์ ยังมีการทำโครงการเครื่องสูบน้ำพลังงานโซลาเซลล์ที่แม่ฮ่องสอน 12 จุด ติดตั้งแต่ปี 2561 แต่จนถึงปัจจุบัน ยังใช้งาน นอกจากนี้ ยังมีโครงการตู้น้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ตู้น้ำพลังงานแสงอาทิตย์แบบที่เราเห็นทั่วไปราคาแค่หลักหมื่นบาท แต่ กอ.รมน. ติดตั้งในราคาจุดละครึ่งล้านบาท
“จากความไม่ชอบมาพากลของบ้านธนารักษ์ กองทัพบก ความไม่โปร่งใสในการบริหารงานของ กอ.รมน. ปฏิเสธไม่ได้ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีฐานะเป็น ผอ.กอ.รมน.โดยตำแหน่ง จะไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ ดังนั้น เมื่อท่านเป็นผู้นำที่ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ก็ควรลาออกไปเพื่อให้ประเทศได้พบแสงสว่างทางออกที่ดีกว่านี้” นายวิสาร กล่าว