“ชลน่าน” สรุปอภิปรายฯ ขอส.ส.ทุกคนร่วมยกมือโหวตไม่ไว้วางใจ เพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น

(19 กุมภาพันธ์ 2564) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายสรุปปิดญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นการทำหน้าที่ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญอย่างเข้มข้น และทุกคนก็ล้วนทำหน้าที่ความความสุจริตใจเป็นที่ตั้ง โดยในภาพรวมของการอภิปราย 4 วันที่ผ่านมา ความล้มเหลวที่เป็นสาเหตุให้เกิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เกิดจาก 1. วิธีคิด จิตสำนึก การปฏิบัติตน และความไร้สติปัญญาความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี 2. ความเชื่อมั่นและการยอมรับจากต่างประเทศที่มีปัญหาอย่างชัดเจน 3. ความรู้ความสามารถ วุฒิภาวะของนายกฯและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย 4. การทุจริตแสวงหา เอื้อผลประโยชน์ให้ตนและพวกพ้อง 5. ทุจริตไร้จริยธรรมอย่างร้ายแรง และ 6. ไม่ยึดมั่นและศรัทธาต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

ภายหลังการยึดอำนาจปี 2557 ส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศถดถอยมาโดยตลอด เกิดความเหลื่อมล้ำอย่างสูงในสังคม เกิดปรากฏการณ์รวยกระจุกจนกระจายถ้วนหน้า ศักยภาพด้านการแข่งขันลดลง ด้วยเหตุที่รัฐบาลหลังรัฐประหารปกครองประเทศด้วยรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ มีกฎหมาย ม.44 ทำให้ต่างประเทศไม่ให้ความไว้วางใจ มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแบบเผด็จการ รัฐบาลใช้อำนาจตามอำเภอใจ ใช้อำนาจยกเลิก ยกเว้นกฎหมายตามต้องการจนเกิดความเสียหาย สิ่งต่างๆ เหล่านี้เพราะต้องการอยู่ในอำนาจจึงทำให้เกิดปัญหาอย่างที่ทุกท่านอภิปรายไปแล้ว เช่นกรณีใช้ ม.44 ปิดเหมืองทองอัครา เป็นต้น

ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นมา ไม่ได้เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ แต่เป็นกระบวนการสมคบคิด แบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อครองอำนาจ มีการเกิดขึ้นของระบอบ 3 ป. ที่ครอบงำทุกองค์กรหน่วยงาน จนพี่น้องประชาชนเรียกพวกท่านว่าสภาปลวก ปลวกที่เข้ามากัดกินบ้านเรือน กินประชาธิปไตยไปทีละเล็กละน้อย ซึ่งแม้พวกท่านจะบอกว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ แต่ก็ยืนยันว่าไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

จากการอภิปรายในช่วง 4 วันที่ผ่านมา การตอบคำถามของนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรี มีทั้งไม่ตอบคำถามเลย ตอบไม่ตรงคำถาม ตอบเบี่ยงเบนประเด็น ตอบแบบยอกย้อน รวมถึงการตอบอย่างมีความพร้อมทั้งเนื้อหาข้อมูลซึ่งต้องชื่นชมว่าทีมงานท่านเตรียมข้อมูลได้เก่งมาก สิ่งสำคัญคือ คำตอบ เมื่อตอบมีเหตุผลเพียงพอก็เป็นประโยชน์ต่อสภา แต่ถ้าไม่มีเหตุผลเพียงพอ หรือไม่ตอบ ประชาชนก็จะเป็นผู้ตัดสิน

ในโอกาสที่ผมกล่าวสรุป ผมจึงขอนำประเด็นสำคัญที่รัฐมนตรีแต่ละท่านตอบ นำมาสรุปรวมเป็นข้อมูลว่า จากคำถามของผู้อภิปรายและคำตอบของรัฐมนตรีแต่ละท่านแล้ว มีน้ำหนักเพียงพอหรือไม่ที่จะให้ความไว้วางใจ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถูกอภิปรายโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เรื่องทุจริตถุงมือยาง ผู้อภิปรายชี้ให้เห็นชัดทั้งเอกสาร คลิปเสียง ภาพเอกสารให้เห็นชัดเจนว่าผู้ทุจริตมีความใกล้ชิดกับรัฐมนตรี มีการทำสัญญาลวงหน่วยงานรัฐ เพื่อทุจริตเงินหลวง 2 พันล้านบาท นายจุรินทร์ ตอบยอมรับว่ามีการทุจริตจริง ส่วนกรณีผู้ทุจริตเป็นผู้ใกล้ชิดนั้น นายจุรินทร์ไม่ตอบในประเด็นดังกล่าวชัดเจน

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประเด็นข้อกล่าวหามีมาก แต่ที่ขอยกตัวอย่างชัดๆ คือกรณีทุจริตขุดลอกคลองแหล่งน้ำที่ใช้งบประมาณองค์การทหารผ่านศึก (อคส.) พลเอกประวิตร ตอบเพียงแค่ ไม่รู้ ไม่เกี่ยวข้องกับตน ซึ่งการตอบเช่นนี้ เป็นการตอบที่จำนวนด้วยหลักฐาน

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ถูกอภิปรายประเด็นการแต่งตั้งเลขาธิการ สกสค. ผู้อภิปรายชี้แจงประเด็นการใช้อำนาจหน้าที่ แก้กฎระเบียบคุณสมบัติเพื่อผลักดันคนใกล้ชิดส่วนตัวเข้ามาเป็นข้าราชการการเมืองและมีตำแหน่งเลขาธิการ สกสค. ด้านนายณัฏฐพลไม่สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้ บอกเพียงแค่ถูกต้องตามระเบียบขั้นตอน ส่วนการกู้เงินขององค์การคุรุสภา และประเด็นเงินสวัสดิการเงินกู้ของครูโดยใช้กฏหมาย ม.44 แก้ระเบียบเอาเงินซึ่งเป็นเงินออมส่วนตัวของครู ไปปีละหลายพันล้านไปใช้อะไร นายณัฏฐพลก็ไม่สามารถชี้แจงประเด็นนี้ แต่ตอบว่าปีต่อไปจะไปหาเงินมาเพื่อใช้จ่ายชดเชย

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ถูกกล่าวหาว่าล้มประมูลเอื้อประโยชน์โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มให้เอกชน แต่นายศักดิ์สยาม กลับตอบว่า ทำได้ และถามกลับว่าใครได้ประโยชน์และผิดกฎหมายอะไร ซึ่งที่สุดก็ไม่ได้คำตอบชัดเจน

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ถูกกล่าวหาผิดปกติในการเร่งรัดผลักดันเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ “จะนะ” จากพื้นที่สีเขียวเป็นพื้นที่เขตอุตสาหกรรม และทำให้บุคคลในครอบครัวของนายนิพนธ์ ได้กำไรจากราคาที่ดินดังกล่าวมูลค่ามหาศาล ซึ่ง นายนิพนธ์ ได้ชี้แจงเฉพาะที่มาของการพัฒนาพื้นที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเท่านั้น แต่ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องคนใกล้ชิดเก็งกำไรที่ดิน
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประเด็นวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก็มีปัญหาการบริหารจัดการ เพราะประเทศเพื่อนบ้านเริ่มทยอยได้วัคซีน แต่ประเทศไทยเรากลับยังไม่ได้วัคซีน กระบวนการนำเข้าวัคซีนควรเปิดกว้าง ไม่ควรปิดกั้นเอกชนที่จะนำเข้า ซึ่งนี่คือประเด็นที่นายอนุทินต้องรับผิดชอบและตอบคำถาม

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประเด็นที่ถูกอภิปรายประเด็นแรก คือเหมืองทองอัครา ใช้อำนาจ ม.44 โดยมิชอบ ไปปิดเหมืองทองจนเป็นคดีเข้าสู่กระบวนพิจารณาไต่สวนของอนุญาโตตุลาการ โดยมีแนวโน้มว่าคณะอนุญาโตตุลาการจะชี้ขาดให้รัฐบาลไทยจะแพ้คดี จึงมีข้อเสนอยกที่ดินอาชญาบัตรพิเศษรวมประมาณ 1 ล้านไร่แลกกับการถอนฟ้องคดี ซึ่งคำตอบของพลเอกประยุทธ์ที่กล่าวตอบในสภา ไม่มีคำตอบชัดเจนและกลบเกลื่อนความผิดตัวเองด้วยการยกเอาความผิดผู้อื่นมากล่าว จึงยิ่งกลายเป็นหลักฐานมัดแน่น ชี้แจงก็ไม่ได้ จึงต้องเอาทรัพยากรชาติมากลบความผิดตัวเอง เรื่องถัดมา พลเอกประยุทธ์ปล่อยปละละเลยกรณีส่วยขบวนการแรงงานข้ามชาติและส่วยบ่อนการพนัน อันเป็นต้นเหตุการระบาดโรคโควิด-19 ในระลอกใหม่ สร้างความเสียหายมหาศาลให้คนไทยทั้งด้านเศรษฐกิจสังคม แต่คำตอบที่ได้รับจากพลเอกประยุทธ์คือ ปัญหานี้ร้อยนายกฯก็แก้ไม่ได้ ซึ่งเป็นการแก้ตัวแบบกลบเกลื่อน ถัดมาคือประเด็นการเยียวยาประชาชนในสถานการณ์โควิด-19 ด้วยการใช้แอปพลิเคชัน ซึ่งสร้างภาระและความเดือดร้อนให้ประชาชนในต่างจังหวัดยากจน ต้องต่อคิวยาวข้ามคืนเพื่อรอลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ทั้งที่มีมาตรการเยียวยาในรูปแบบอื่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่า และกระบวนการเยียวยาแบบใช้แอปพลิเคชันนี้ ไม่สามารถตรวจสอบได้ เปิดช่องให้เกิดการทุจริตได้มหาศาล ประเด็นต่อมาคือ เรื่องค่าโง่โฮปเวลล์ ที่มีผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดฐานละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐ มีอายุความ 2 ปี คือจะหมดอายุความภายในเดือนเมษายนนี้ แต่ปรากฏว่า ยังปล่อยปละละเลยไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาผู้กระทำผิดทั้งที่คดีดังกล่าวกำลังจะหมดอายุความ ถัดมาเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างในกองทัพ ที่จัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์เสื้อผ้าเครื่องใช้ รถยนต์ยานพาหนะ ตลอดจนยุทธภัณฑ์ ในราคาสูงกว่าราคาปกติ แต่นายกรัฐมนตรีก็ตอบว่าทำตามขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีประเด็น การโยกย้ายตำแหน่งในวงการตำรวจ มีการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจที่เอื้ออำนวย ที่ไม่เป็นไปตามความเหมาะสม เรื่องระบบอาวุโส มีการข้ามรุ่นใช้คุณลักษณะพิเศษเอื้ออำนวยคนที่ท่านต้องการแต่งตั้งมาดำรงตำแหน่ง และท่านก็ไม่สามารถตอบได้ว่าท่านมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย หรือแม้ท่านเป็นคนถือตั๋ว ซึ่งผมจะไม่ขยายความเรื่องตั๋ว แต่ในระบบรู้หมดว่าใครมีตั๋วก็มีโอกาส

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวอีกว่า พฤติการณ์พฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่นำมาขยายความนี้ ไม่มีคำชี้แจงหรือน่าพึงพอใจ พฤติกรรมการบริหารประเทศแบบร่วมกันคิด แบ่งหน้าที่กันทำ ร่วมกันรับประโยชน์ ยังคงอยู่แบบนี้ในภาวะวิกฤติแล้วประชาชนจะอยู่กันได้อย่างไร ในสภาแห่งนี้ หรือแม้แต่ตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ผมอยากขอร้องไปที่จิตสำนึกของท่าน ว่าสิ่งที่เกิดมา 7 ปีนี้ควรจะหยุดแค่นี้ อยากให้ท่านมองกลับมาที่ระบอบประชาธิปไตยอย่างพินิจพิเคราะห์ แม้วันนี้บ้านเมืองเสียหายขนาดไหนเราก็ให้อภัย เพียงแค่ท่านมีจิตสำนึกตรึกตรอง ขอร้องให้ทุกท่านได้ใช้วิถีทางตามรัฐธรรมนูญ ในระบอบประชาธิปไตย ลงมติไม่ไว้วางใจ เพราะการลงมติไม่ไว้วางใจ ไม่ได้สร้างความเสียหายให้ประเทศได้เท่ากับการยังคงให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งต่อไป การคืนอำนาจที่แท้จริงให้ประชาชน นี่คือทางรอดของบ้านเมือง แล้วมันจะแก้วิกฤติของบ้านเมืองที่รายล้อมอยู่ ให้ลดลงได้

“หลังการอภิปรายนี้ ความมุ่งหวังสูงสุดคือการยกมือไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทุกท่านตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงมา เราจะได้มีนายกรัฐมนตรี และครม.ใหม่ ที่มาจากในรัฐสภาของเรามาทำหน้าที่ต่อ พวกตนไม่สามารถไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทั้ง 9 คนได้ พวกเราทำเต็มที่แล้ว เพียงแต่ขอร้องไปยังเพื่อนสมาชิกฝ่ายสนับสนุน ถ้าเห็นคล้อย และตรึกตรองดีแล้ว ขอเสียงจากท่านมาเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ดีให้บ้านเมือง มาลงคะแนนไม่ไว้วางใจกันเถิด” นายแพทย์ชลน่าน กล่าว