“วัฒนรักษ์” ชี้ ประยุทธ์ทำลายปอดสีเขียวคนกรุงเทพ ให้ประมูลที่ดินสุดถูกสร้างศูนย์สรรพสินค้าขนาดยักษ์
(21 กุมภาพันธ์ 2564) ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ประธานคณะอนุกรรมการด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแล้วแต่ยังคงมีปัญหาจากโครงการสนามบินไฮสปีด 3 แห่ง (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ที่ยังคงจะตามหลอกหลอนคนไทยอีกอย่างไม่จบไม่สิ้น เพราะคนส่วนใหญ่ตั้งข้อสังเกตว่าโครงการนี้มีการเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนหรือไม่อย่างไร จากการที่มีการเปิดช่องให้มีการประเมินมูลค่าที่ดินที่ถูกกว่าราคาท้องตลาดโดยเหลือเพียงตารางวาละ 2 – 3 แสนบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของราคาประเมินจริง ซึ่งถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความบริสุทธิ์ใจ ก็ควรที่จะนำทีโออาร์ ออกมาเปิดเผยให้ประชาชนทุกคนได้มีสิทธิ์ตรวจสอบ เพราะบริษัทที่ได้รับการประมูลนั้นมีการเตรียมการที่จะเนรมิตเมืองไฮสปีดมักกะสัน 2 ล้านตร.ม. ให้เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์ ศูนย์การประชุมนานาชาติ และสถานพยาบาล ซึ่งถือเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม เพราะพื้นที่มักกะสันเป็นพื้นที่สีเขียวที่ใหญ่ที่สุดใจกลางกทม. และเป็นปอดแห่งเดียวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของคนกรุงเทพ และเป็นการดับฝันประชาชนในการที่จะพัฒนาให้เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ เพื่อที่คนกรุงจะได้ใช้พักผ่อน และจากการที่รถไฟความเร็วสูงดังกล่าวใช้ความเร็ว 250 กม.ต่อชั่วโมง โดยต่างจากโครงการอื่นที่ใช้ความเร็วเพียงแค่ 180 – 200 กม. ต่อชั่วโมง ประกอบกับสถานีอู่ตะเภา – กรุงเทพฯ มีระยะทางเพียงแค่ 100 กม. แต่มีสถานีมาก จึงต้องชะลอความเร็วตลอดระยะทางในการเข้าเมือง ซึ่งหากเป็นแบบนี้จะคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า การสร้างสนามบินไฮสปีด 3 แห่ง นั้นคุ้มค่ากับประชาชนจริงหรือ เพราะเบื้องต้นพบว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นส่งผลให้มีชาวบ้าน 744 ครัวเรือนที่จะต้องย้ายออก และต้องยกเลิกสัญญาเช่า 313 สัญญา จากการเวนคืน การยกเลิกสัญญาเช่า และการรื้อย้ายสาธารณูปโภคที่กีดขวางแนวเส้นทาง ซึ่งคนเหล่านี้จะต้องย้ายที่อยู่และจะไปทำมาหากินที่ไหน จะได้รับการเยียวยาอย่างไรจากทางรัฐ และจากการที่โครงการสร้างรถไฟดังกล่าวนี้มีความเร่งรัดจนเกินความจำเป็น อาจจะทำให้สะดุดล้มได้ในที่สุดเช่นเดียวกับในยุโรปที่เคยเกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่มีความมั่นใจว่าหากจะต้องเชื่อมต่อกับรถไฟระบบอื่นๆ นั้น จะสามารถเชื่อมต่อกันได้หรือเปล่า และมาตรฐานของเทคโนโลยีที่ว่านั้นจะดีพอหรือไม่ ประกอปกับเวลาที่จำกัดและทีโออาร์ที่ไม่เปิดกว้าง ทำให้การแข่งขันหายไป ต่างชาติไม่สามารถร่วมลงทุนได้ เพราะการลงทุนโครงการใหญ่ขนาดนี้จำเป็นที่จะต้องเปิดกว้างให้บริษัททั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมประมูล เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ และจากการที่โครงการนี้ที่ขาดความโปร่งใส ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูล และรับรู้รายละเอียดของโครงการได้น้อยมาก ก่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีต่อรัฐบาลลดลง เพราะโครงการที่ใช้เงินลงทุนมหาศาลขนาดนี้นั้นควรที่จะต้องพิจารณาและคำนึงถึงความต้องการว่ามีความจำเป็นและคุ้มค่ากับเงินภาษีของประชาชนหรือไม่ หรือจะเป็นเหมือนโครงการรถไฟสายสีม่วงที่ขาดทุนวันละ 5 ล้านบาท และที่สำคัญโครงการนี้อาจก่อให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมและเป็นการเพิ่มปัญหาของฝุ่นพิษ PM2.5 ให้กับกรุงเทพอีกด้วยหรือไม่
“แม้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ รอดพ้นจากการอภิปรายไม่ไว้ววางใจในสภาในครั้งนี้ แต่ก็คงจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอีกต่อไป และนี่หรือคือรัฐบาลที่ประชาชนจะต้องฝากชีวิตไว้อีกหลายปี” ร.ต.อ.วัฒนรักษ์