(22 กุมภาพันธ์ 2564) นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่าย ค้านหรือ วิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า การประชุมร่วมของรัฐสภาเพื่อพิจารณาญัตติร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ว่า ตามที่ได้นัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ เป็นไปตามกรอบเวลาที่มีการกำหนดไว้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องตามที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ขอให้วินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถึงเวลานี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่านายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาจะมีแนวทางออกมาอย่างไร แต่ที่ผ่านมาไม่มีประเพณีปฏิบัติว่าจะต้องหยุดการพิจารณา เชื่อว่าคงมีการพิจารณาตามวาระที่กำหนดไว้

นายสมคิด กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้รอดูว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร หากบอกว่าทำไม่ได้ ทุกสิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็กลายเป็นศูนย์ กลับไปนับหนึ่งกันใหม่ แต่ทั้งนี้ฝ่ายนิติบัญญัติ มีอำนาจในการเสนอกฎหมายและออกกฎหมายเพื่อคนส่วนมากของประเทศ แต่คนที่ไปร้องไม่ทราบว่าร้องได้อย่างไร เมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่เริ่มต้นเลย แต่ไปร้องว่าขัดแล้ว ดังนั้นเจตนาของนายไพบูลย์ชัดเจนว่าทำตามคำสั่งของผู้มีอำนาจที่ไม่ต้องการให้มีการแก้ไขธรรมนูญ โดยใช้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือ

“ปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนหนึ่งมาจากการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม ไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะกลัวการสูญเสียอำนาจ ทั้งที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารประเทศ และประเทศมีการพัฒนาไปมากกว่าที่เป็นอยู่ พลเอกประยุทธ์ครองอำนาจมา 7 ปี ประเทศตกต่ำลงทุกด้าน ดังนั้นถ้าพลเอกประยุทธ์ยอมถอยจากอำนาจก็จะได้รับการยอมรับว่าเสียสละ แต่หากหวังอยู่ในอำนาจเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป ประชาชนคงไม่ยอมเพราะยิ่งพลเอกประยุทธ์อยู่นานประชาชนยิ่งลำบากมากขึ้น” นายสมคิด กล่าว