“วัฒนรักษ์” เร่งรัฐบาลกำจัดวัชพืชในแหล่งน้ำสำคัญหน้าแล้งให้เสร็จสิ้นก่อนเข้าฤดูฝนรอบใหม่
(28 กุมภาพันธ์ 2564) ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ประธานคณะอนุกรรมการด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาผักตบชวานั้นได้สร้างความลำบากให้กับคนไทยมาช้านานแล้ว และยังคงเป็นปัญหาที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งทางคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้เสนอประกาศมาตรฐานอุตสาหกรรม ถึงรัฐมนตรีว่าการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2560 แล้วนั้น บัดนี้เป็นเวลาเกือบ 4 ปี แล้ว แต่เหตุใดจำนวนผักตบชวาจึงยังไม่ลดลง ซึ่งหากเข้าใจถึงต้นตอของสาเหตุก็จะเข้าใจถึงวิธีแก้ไขได้ไม่ยาก ว่าเหตุใดทำไมผักตบชวาถึงได้เจริญเติบโตและแพร่พันธุ์เร็วนัก ซึ่งเป็นเพราะผักตบชวานั้นสามารถเติบโตได้ดีด้วยปุ๋ยไนโตรเจน โดยเฉพาะปุ๋ยยูเรียที่เกษตรกรหว่านลงนาลงสวนแล้วปล่อยให้ไหลลงไปสู่แม่น้ำลำคลอง ทำให้ไปช่วยเร่งใบให้แก่พืชในน้ำ ประกอบกับน้ำทิ้งจากโรงงานที่มีค่าไนโตรเจนเกินกว่า 20 มิลลิกรัมต่อลิตร ส่งผลให้ผักตบชวาขยายพันธุ์เต็มแม่น้ำลำคลองอย่างที่เราเห็น เป็นตัวการบ่อนทำลายระบบนิเวศ ดังนั้นหากรัฐบาลสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพก็จะสามารถช่วยลดปัญหานี้ลงไปได้เยอะ แต่อาจจะต้องต่อสู้กับกลุ่มนายทุนปุ๋ยเคมีระดับเจ้าสัว ซึ่งจริง ๆ แล้วเราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าหากใช้ปุ๋ยเคมีผิดวิธีก็จะทำให้ดินเสียอย่างรวดเร็ว พืช ผัก ผลไม้ที่ปลูกก็ไม่ได้มาตรฐาน
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ ใส่ใจก็จะทราบว่างบประมาณปีละกว่า 500 ล้านบาท ที่ใช้กำจัดผักตบชวารวมถึงวัชพืชอื่นในแหล่งน้ำ โดยมี 5 หน่วยงานหลักรับผิดชอบคือ กรมเจ้าท่า กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ใช้งบประมาณอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานานหลายปี หากแต่ปัญหาผักตบชวาก็ยังคงมีให้พบเห็นอยู่ในทุกวัน ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าปัญหาดังกล่าวจะหมดไป จนทำให้ประชาชนเริ่มสงสัยว่างบประมาณที่ได้มาจากภาษีประชาชนนั้น ได้ใช้ไปอย่างคุ้มค่าจริงหรือไม่อย่างไร หากรัฐบาลมีเจตนารมณ์ที่ต้องการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ดังที่เคยกล่าวอ้าง ซึ่งเกือบ 7 ปี ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจมากกว่ารัฐบาลที่มาจากประชาชน น่าจะแก้ปัญหาได้อย่างถอนรากถอนโคน ซึ่งถ้าหากแก้ไขปัญหาได้ก็คงไม่มีใครตำหนิ และประเทศไทยเราก็คงไม่มีผักตบชวาให้เห็นตามแม่น้ำลำคลองอีกต่อไป ดังนั้นทางคณะอนุกรรมการด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ พรรคเพื่อไทย จึงมุ่งมั่นที่อยากจะเห็นการทำงานที่จริงจัง เด็ดขาดเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม เพราะรัฐบาลที่ดีก็ควรทำงานให้กับประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ดังคำกล่าวของกรมตำรวจลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกาที่ว่า To Protect and Serve (เพื่อปกป้องและรับใช้) ดังนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ อยากจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะประชาชนจำนวนมากนั้นลำบากจากผักตบชวา ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะมองข้ามปัญหานี้ เพราะถ้าหากรัฐบาลสามารถนำวัชพืชชนิดนี้มาทำให้เกิดประโยชน์เละเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนได้ ก็คงจะช่วยลดปริมาณผักตบชวาลงได้อย่างรวดเร็ว