นายแพทย์ทศพร กล่าวต่อว่า วันนี้ผมเชิญผู้บาดเจ็บมาแถลงข่าว ไม่ได้มีเจตนาให้ดูน่ากลัว แต่เพื่อยืนยันว่ามีผู้บาดเจ็บจริง โดนกระสุน ซึ่งผมเองยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะเป็นกระสุนจริงหรือกระสุนยางที่ผมไม่อาจทราบได้ โดยกรณีคุณเก่ง โชคดีที่วิถีกระสุนเฉียด ไม่ปะทะโดยตรงทำให้ยังอยู่ในระยะปลอดภัยแต่ก็ยังต้องเย็บแผลที่ศีรษะ แต่หากอยู่ใกล้กว่านี้อาจอันตรายกว่านี้มาก นี่คือแค่ตัวอย่างของผู้บาดเจ็บในคืนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยังไม่รวมถึงผู้บาดเจ็บรายอื่นจากการชุมนุมคราวก่อน เช่น เมื่อชุมนุมเดือนก่อนคนที่โดนยิงที่ช่องท้อง ยังนอนอยู่โรงพยาบาล ถูกยิงเข้าลำไส้มีรู 26 รู กระดูกแขนซ้ายแตกละเอียดยังไม่สามารถใส่เหล็กที่กระดูกแขนได้ จึงต้องนอนในโรงพยาบาลต่อ ตนอยากขอร้องรัฐบาลว่า ไม่ควรใช้ความรุนแรงจัดการกับประชาชน เพราะประชาชนเดินทางไปชุมนุมอย่างสันติ รัฐเองก็มีอำนาจที่จะจับกุมประชาชนที่ใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว หรือแม้แต่ที่เห็นในคลิปที่เห็นคนใช้ความรุนแรงและวิ่งไปหลบหลังตำรวจหรือหลังผู้ชุมนุม ตนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์นี้หวังให้มีการจุดกระแสความรุนแรงเพื่อใช้กำลังปราบปรามหรือไม่ นอกจากนี้ จึงอยากเสนอด้วยว่า เมื่อมีการชุมนุม รัฐควรให้กระทรวงสาธารณสุขจัดเตรียมหน่วยพยาบาล รถพยาบาล รถกู้ภัยและโรงพยาบาลเตรียมพร้อมไว้ทุกครั้งให้สำหรับกรณีฉุกเฉินทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ชุมนุม เพราะที่สุดแล้วไม่ว่าจะฝ่ายใดย่อมไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียจึงต้องควรเตรียมพร้อมช่วยเหลือทุกฝ่าย นอกจากนี้ตนยังจะได้ปรึกษากับฝ่ายกฏหมายดูว่าในเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น มีช่องทางในการฟ้องร้องการใช้อำนาจรัฐเกินกว่าเหตุได้หรือไม่เพียงใด

“ผมต้องปรึกษาฝ่ายกฎหมายด้วยว่า คนที่ถูกสลายการชุมนุมจนได้รับบาดเจ็บ จะสามารถฟ้องรัฐได้มากน้อยแค่ไหน เพราะการปราบปรามใช้อำนาจรัฐมันไม่ได้สัดส่วนกับประชาชนที่มาชุมนุมอย่างสงบ ประชาชนที่ยืนอยู่แนวหน้าก็มิได้ใช้ความรุนแรง เขาเพียงแค่ประชาชนที่มีความเห็นร่วมกันและมารวมกันแต่กลับถูกสลายชุมนุมจนได้รับบาดเจ็บ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติกับผู้ชุมนุมดีกว่านี้” นายแพทย์ ทศพร กล่าว