พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือ ป.ป.ช. กล่าวหา “ประยุทธ์-จุรินทร์และพวก” กรณีทุจริตทำสัญญาลวงซื้อขายถุงมือยางอคส. มูลค่า 112,500 ล้านบาท
(10 มีนาคม 2564) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ผศ.ดร.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค นางสาวชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย และ นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี ยื่นหนังสือพร้อมหลักฐานรวมจำนวน 47 รายการต่อ ป.ป.ช.กล่าวหาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ดูแลองค์การคลังสินค้าให้ไต่สวนกรณีการทุจริตทำการลวงซื้อขายถุงมือยางของ อคส. มูลค่า 112,500 ล้านบาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยล้านบาท) ตามที่ฝ่ายค้านได้อภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า บุคคลที่อยู่ในข่ายที่ต้องให้ ป.ป.ช. ไต่สวนได้แก่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่รัก ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อกฎหมาย โดยเป็นกรณีจงใจร่วมกับนายจุรินทร์ ปกปิดการกระทำทุจริตในหน่วยงานของรัฐและไม่ละเว้นไม่ระงับยับยั้งความเสียหายอันเกิดแก่การทุจริต ปล่อยให้ผู้กระทำผิดยักย้ายซ่อนเร้นจำหน่ายจ่ายโอนเงินที่ทุจริตไปจนสิ้น โดยพลเอกประยุทธ์รู้เรื่องการทุจริตตั้งแต่ก่อนหน้าวันที่ 14 กันยายน 2563 แต่กลับปกปิดการทุจริตจนทำให้รัฐสูญเสียเงินที่สามารถจะระงับยับยั้งได้อีกไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้กำกับดูแล อคส. เป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่รัฐกรณีเอื้อประโยชน์ให้แต่งตั้งคนสนิทและผู้ช่วย ส.ส. โดยไม่คุณณสมบัติ และภายหลังแต่งตั้งมีการจัดทำสัญญาลวงซื้อขายถุงมือยาง อคส. มูลค่า 112,500 ล้านบาท มูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้านบาท โดยมีพยานหลักฐานเป็นรายงานการประชุมและคลิปเสียงของนายสุชาติ ประธาน อคส. พาดพิงนายจุรินทร์ เมื่อนายจุรินทร์ทราบกลับร่วมปกปิดการทุจริตต่อกรณีดังกล่าว และยังรวมถึงกระทำผิดอำนาจหน้าที่ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การคลังสินค้า ตลอดจนถึงพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 อีกด้วย นอกจากนี้ยังร้องเรียนนายสุชาติ เดชจักรเสมา ประธานกรรมการ อคส., กรรมการ อคส., พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ รักษาการแทนผู้อำนวยการ อคส. พร้อมกันนี้ด้วยพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือ ป.ป.ช. กล่าวหา “ประยุทธ์-จุรินทร์และพวก” กรณีทุจริตทำสัญญาลวงซื้อขายถุงมือยางอคส. มูลค่า 112,500 ล้านบาท
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า บุคคลที่อยู่ในข่ายที่ต้องให้ ป.ป.ช. ไต่สวนได้แก่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่รัก ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อกฎหมาย โดยเป็นกรณีจงใจร่วมกับนายจุรินทร์ ปกปิดการกระทำทุจริตในหน่วยงานของรัฐและไม่ละเว้นไม่ระงับยับยั้งความเสียหายอันเกิดแก่การทุจริต ปล่อยให้ผู้กระทำผิดยักย้ายซ่อนเร้นจำหน่ายจ่ายโอนเงินที่ทุจริตไปจนสิ้น โดยพลเอกประยุทธ์รู้เรื่องการทุจริตตั้งแต่ก่อนหน้าวันที่ 14 กันยายน 2563 แต่กลับปกปิดการทุจริตจนทำให้รัฐสูญเสียเงินที่สามารถจะระงับยับยั้งได้อีกไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้กำกับดูแล อคส. เป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่รัฐกรณีเอื้อประโยชน์ให้แต่งตั้งคนสนิทและผู้ช่วย ส.ส. โดยไม่คุณณสมบัติ และภายหลังแต่งตั้งมีการจัดทำสัญญาลวงซื้อขายถุงมือยาง อคส. มูลค่า 112,500 ล้านบาท มูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้านบาท โดยมีพยานหลักฐานเป็นรายงานการประชุมและคลิปเสียงของนายสุชาติ ประธาน อคส. พาดพิงนายจุรินทร์ เมื่อนายจุรินทร์ทราบกลับร่วมปกปิดการทุจริตต่อกรณีดังกล่าว และยังรวมถึงกระทำผิดอำนาจหน้าที่ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การคลังสินค้า ตลอดจนถึงพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 อีกด้วย นอกจากนี้ยังร้องเรียนนายสุชาติ เดชจักรเสมา ประธานกรรมการ อคส., กรรมการ อคส., พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ รักษาการแทนผู้อำนวยการ อคส. พร้อมกันนี้ด้วย
“เมื่อระยะเวลาล่วงเลยมาพอสมควรแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการให้ได้ตัวผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการ และพลเอกประยุทธ์ยังปล่อยให้นายจุรินทร์ และนายสุชาติยังปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้กำกับ ควบคุม และดูแลงานใน อคส.ต่อไปทั้งที่เป็นผู้มีส่วนได้เสีย ไม่เป็นกลาง เมื่อเป็นผู้ถูกกล่าวแต่ยังมีอำนาจครอบงำ อคส. ทั้งทางตรงและทางอ้อมเกี่ยวข้องกับพยานหลักฐานการดำเนินคดีอยู่จนถึงวันนี้ ดังนั้นเพื่อเป็นการรักษาประโยชน์ของรัฐ จึงมายื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช.เพื่อพิสูจน์ความกล้าหาญของ ป.ป.ช.ว่าจะกล้าตรวจสอบการทุจริตรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เพื่อไม่ปล่อยให้คนผิดลอยนวลและรัฐต้องสูญเสียเงินกับการทุจริตครั้งนี้” นายประเสริฐกล่าว