“สมคิด” แฉขบวนการขวางแก้ไขรัฐธรรมนูญ เครือข่าย คสช.-กลุ่มลากตั้ง หวังสืบทอดอำนาจกลัวหลุดวงโคจร

(10 มีนาคม 2564) นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม กล่าวถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดอ่านคำวินิจฉัยอำนาจรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 11 มีนาคมนี้ว่าจุดเริ่มแนวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มาจากข้อเรียกร้องของประชาชน เพราะประชาชนเห็นปัญหาการบังคับใช้ รธน.ฉบับนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลจึงได้ยื่นญัตติแก้ไข รธน. ไปในทิศทางเดียวกันคือให้มีการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมายกร่าง รธน.ใหม่ โดยพรรคเพื่อไทยยืนยันมาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งว่า รธน. ฉบับนี้ต้องแก้ไขเพราะ รธน.ฉบับนี้มีจุดอ่อนสำคัญหลายบทบัญญัติที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา และแก้ไขปัญหาประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้ขณะที่โลกเปลี่ยนไปทุกวัน รวมถึงการใช้อำนาจที่บิดเบี้ยว ใช้อำนาจแต่งตั้งส.ว. และให้ส.ว. มาเลือกนายกรัฐมนตรีที่ไม่สะท้อนความต้องการที่แท้จริงประชาชน มีความพยายามสืบทอดอำนาจคสช. และข้อสำคัญคือ ข้ออ้างที่เข้ามาว่าจะปฏิรูปประเทศนั้นปรากฏว่าผ่านมา 2 ปีกว่าในช่วงรัฐบาลนี้ก็ไม่เคยมีความคืบหน้าใดๆ

นายสมคิด กล่าวต่อว่าทุกวันนี้เครือข่ายอำนาจ คสช.มีความพยายามขัดขวางการแก้ไข รธน. กลุ่มต่อต้านการแก้ไขทุกกลุ่มเชื่อมโยงกับ คสช.อย่างชัดเจน ทั้งกลุ่มที่มาจากการแต่งตั้งจากคสช. สรรหามาจากเครือข่าย คสช. ต่างได้รับประโยชน์จาก รธน.ฉบับนี้ไม่อยากให้แก้เพราะจะทำให้กระทบต่อสถานะตนเอง และเขาเหล่านี้ไม่เคยยอมรับว่ากำลังสมรู้ร่วมคิดแต่ท้ายสุดก็มีคนรับสารภาพว่า “รัฐธรรมนูญนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” เหมือนแกนนำ กปปส. ที่ยอมรับว่าติดต่อกับหัวหน้าคณะรัฐประหารเมื่อหลายปีก่อน จัดชุมนุมล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งและทำรัฐประหารปี 2557 และในชั้นกรรมาธิการฯ คนกลุ่มเดิมนี้ก็ขัดขวางการแก้ไขอ้างว่ารัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ทั้งที่เป็นการรณรงค์ประชามติฝ่ายเดียว

“ในวันที่ 11 มีนาคมนี้ ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร ตนขอยืนยันว่า อำนาจการแก้ไข รธน. ยังเป็นของรัฐสภา จะต้องเดินหน้าต่อ วันที่ 17-18 มีนาคมนี้ รัฐสภาจะต้องลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมในวาระ 3 ต่อ ที่สำคัญจะได้พิสูจน์ใจของ ส.ว.เพราะต้องมีเสียง ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 เสียงเห็นชอบแก้ไข รธน.จึงไปต่อได้ จึงเป็นจังหวะโอกาสสำคัญในการยกร่าง รธน.ฉบับประชาชนอีกครั้ง” นายสมคิด กล่าว