“ชวลิต” เตือน “พล.อ.ประยุทธ์” อย่าปากว่าตาขยิบ ปล่อยให้ ส.ส.รัฐบาล และ ส.ว.ขัดขวางแก้รัฐธรรมนูญ
(13 มีนาคม 2564) นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เห็นนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พปชร.ให้ข่าวหน้าระรื่นดีใจออกนอกหน้ากรณีศาล รธน.มีคำวินิจฉัยหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาในการแก้ รธน.แล้วไปโมเมให้ความเห็นว่าที่ศาล รธน.วินิจฉัย นั้น ส่งผลให้ร่าง รธน.ที่ผ่านวาระ 1 วาระ 2 เป็นโมฆะ แต่ผมมีความเห็นต่าง โดยเห็นว่าร่าง รธน.ที่ผ่านรัฐสภาในวาระที่ 1 และ 2 จะไม่โมฆะด้วยเหตุผล ดังนี้
1. ผมเชื่อในอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาในการแก้ รธน.ไว้ในมาตรา 256 ซึ่งพรรคการเมือง กมธ. และสมาชิกรัฐสภาก็ได้ดำเนินการไปตามกระบวนการแก้ รธน.จนผ่านวาระที่ 1 และ 2 ใช้เวลาเกือบ 2 ปี ซึ่งสอดคล้องกับศาล รธน. วินิจฉัยในหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา
2. การที่ประธานรัฐสภานัดประชุมรัฐสภา ในวันที่ 17 – 18 มีนาคม 2564 โดยบรรจุระเบียบวาระการประชุม พิจารณาร่าง รธน.วาระที่ 3 แสดงว่าฝ่ายกฎหมายของสภา ฯ และประธานรัฐสภามั่นใจในหน้าที่และอำนาจของสมาขิกรัฐสภาในการแก้ รธน.ตามบทบัญญัติ รธน.ดังกล่าว
3. คำวินิจฉัยของศาล รธน.ไม่มีข้อความใดทั้งทางตรงและทางอ้อมว่า การดำเนินการตามกระบวนการแก้ รธน.ที่ผ่านมาเป็นโมฆะ หรือใช้ไม่ได้
- ร่าง รธน. เป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตรา ไม่ใช่ร่าง รธน. ฉบับใหม่ เนื่องจากในร่าง รธน.ฉบับนี้เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม รธน. ฉบับปัจจุบัน ซึ่งมีหลักการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 โดยแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติม รธน. และอีกส่วนหนึ่งเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยในส่วนนี้จะนำไปสู่การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยส่วนนี้ไว้แล้ว
- การพิจารณาร่าง รธน.ฉบับนี้ ต้องเป็นไปตามที่ รธน.มาตรา 256 (6) บัญญัติไว้คือ ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาต้องออกเสียงลงคะแนนในวาระที่ 3 ขั้นสุดท้ายว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในการที่จะออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญ ตามที่ประธานรัฐสภาได้อนุญาตบรรจุวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภาแล้ว
- ดังนั้น รัฐสภาจึงสมควรที่จะลงมติในวาระที่ 3 ตามที่ รธน บัญญัติไว้ หากที่ประชุมรัฐสภาผ่านวาระที่ 3 เห็นชอบก่อนนำขึ้นทูลเกล้า ฯ เพื่อลงพระปรมาภิไธย ต้องไปถามประชามติจากประชาชนก่อน ทั้งนี้ คำถามในการถามประชามติสามารถถามประชาชนได้ว่า เห็นชอบกับการแก้ไข รธน.ปี 2560 หรือไม่ และเห็นชอบกับการตั้ง ส.ส.ร.มาร่างรธน.หรือไม่ ถ้าเดินไปตามกระบวนการนี้ ก็จะเป็นไปตาม รธน. บ้านเมืองก็จะเดินไปได้ ความเชื่อมั่นก็จะกลับคืนมา
สุดท้ายนี้ ผมขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล กรุณาออกมาปกป้องนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการแก้ รธน. และกรุณาปกป้องญัตติแก้ รธน.ของพรรคร่วมรัฐบาลที่เห็นชอบให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี อย่าให้ ส.ส. รัฐบาลและ ส.ว.ที่ท่านแต่งตั้งมาขัดขวางการแก้ รธน.เสียเอง เสมือนปากว่าตาขยิบ ถึงอย่างไรก็ขว้างงูไม่พ้นคอ เพราะเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเองแท้ ๆ ที่พรรคร่วมเขาร้องขอ
“การแก้ รธน.ครั้งนี้ถูกกระทำให้แท้งโดย ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและ ส.ว.บางส่วน ผมมั่นใจว่าสังคมจะมองว่าท่านยังไม่ละทิ้ง หรือปล่อยวางอำนาจนิยมที่ได้วางเป็นกลไก สร้างความไม่เป็นธรรม การเอารัดเอาเปรียบกันทางการเมืองอยู่ใน รธน.ฉบับนี้ต่อไป อยู่ที่ท่านจะเลือกว่า ท่านจะโยนฟืนเข้ากองไฟด้วยการยืมมือ ส.ส.และ ส.ว.บางส่วน หรือไม่” นายชวลิต กล่าว