“วัฒนรักษ์” เร่ง รัฐบาลคลอดมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างเร่งด่วน

(17 มีนาคม 2564) ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ประธานคณะอนุกรรมการด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในปี 2564 นี้ ภาคเหนือ และภาคกลาง น่าเป็นห่วงว่าจะแล้งตลอดทั้งปี สืบเนื่องมาจากปี 2562 – 2563 ภาคเหนือมีปริมาณฝนน้อยกว่าปกติถึงร้อยละ 17 ทำให้ในเขื่อนหลัก อาทิเช่น เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำน้อย ไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตร อาทิเช่น คลองชลประทานอ่างทอง น้ำแห้งขอดกว่า 7 กิโลเมตร มานานกว่า 3 เดือน แล้งที่สุดในรอบ 10 ปี จนแปรสภาพเป็นสนามวิ่ง ปั่นจักรยานในคลอง เพื่อการออกกำลังกาย ซึ่งปัญหาน้ำแล้งในปีนี้อาจจะมาเร็วกว่าปกติ และพล.อ.ประยุทธ์ จะจัดการแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แถลงว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของปี 2563 ก็ติดลบร้อยละ 6.1 ทำให้เศรษฐกิจไทยตกต่ำที่สุดในรอบ 22 ปี ซึ่งตรงกับสุภาษิตไทยว่า “เคราะห์ซ้ำกรรมซัด”

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรเร่งจัดหามาตราการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งโดยเร่งด่วน อาทิเช่น การฟื้นฟูป่า บำรุงซ่อมแซมและสร้างฝายเพิ่ม สร้างแก้มลิง สนับสนุนการสร้างระบบน้ำชุมชน เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง และหามาตราการป้องกันน้ำท่วมในหน้าฝน โดยรัฐควรส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย และพืชเศรษฐกิจที่มีราคา พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยการสร้างเรื่องราว (Storytelling) ให้น่าสนใจ เพื่อที่จะสามารถทำให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดทั้งปี พร้อมกันนี้รัฐบาลควรที่จะมีหน่วยงานหลักที่ดูแลรับผิดชอบและช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกร เพราะเวลาที่มีปัญหายังไม่เคยเห็นหน่วยงานไหนเป็นแม่งานหลักในการรับผิดชอบ ตั้งแต่ปี 2559 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้งบประมาณในการบริหารจัดการน้ำจำนวนทั้งสิ้น 232,878,334,700 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง แต่สิ่งที่ประชาชนได้รับคือปัญหาเหล่านี้ยังไม่ดีขึ้น ดังนั้นรัฐบาลจึงควรจัดทำตารางการทำนาข้าวใหม่ โดยควรพิจารณาปรับให้เข้ากับสภาวะ El Nino (เอลนีโญ) ซึ่งเป็นปรากฎการณ์สภาวะอากาศแปรปรวนฉับพลัน พร้อมทั้งควรเตรียมพันธุ์ปลาไว้สำหรับแหล่งน้ำที่แห้งขอด เพราะปลาคงจะตายหมดแล้ว หากรัฐบาลไม่รีบป้องกันและหาทางแก้ไข ปัญหาน้ำแล้งปีนี้ก็จะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากเศรษฐกิจตกต่ำมากแล้ว ยังจะต้องมาประสบกับปัญหาน้ำแล้งอีก แล้วประชาชนจะอยู่ได้อย่างไร ซึ่งถ้าหากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เชื่อ ก็ควรเปิดระบบ CCTV ดูปริมาณน้ำในเขื่อนเพราะทุกเขื่อนมีกล้องอยู่แล้ว หากรัฐบาลไม่รีบแก้ไข ต่อไปเราอาจต้องเปลี่ยนสุภาษิตไทยใหม่เป็น “ในน้ำไม่มีปลา ในนาไม่มีข้าว” การจัดการน้ำให้เป็นระบบมีความสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่อย่างมาก รัฐบาลควรเร่งป้องกันแก้ไขปัญหาภัยแล้งเสียตั้งแต่วันนี้ เกษตรกรก็อาจจะมีโอกาสรอดมากขึ้น