รองโฆษกเพื่อไทย แนะรัฐยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในจังหวัดท่องเที่ยว เร่งสร้างความเข้าใจประชาชนให้ฉีดวัคซีนรองรับการเปิดประเทศ
(29 มีนาคม 2564) นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การบริหารจัดการวัคซีนของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่การบริหารจัดการสั่งซื้อและแจกจ่ายวัคซีนซึ่งเป็นไปอย่างล่าช้าและไม่ทันการณ์ ปิดกั้นไม่ให้ผู้ประกอบการรายอื่นเป็นผู้นำเข้าวัคซีนที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยจากต่างประเทศ ทำให้ประชาชนและประเทศเสียโอกาสในด้านสุขภาพที่เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจ เพราะประเทศไทยพึ่งพารายได้จากภาคบริการค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการบริหารจัดการวัคซีนในจังหวัดภูเก็ต ที่ ศบค.ออกมาระบุว่าในเดือนกรกฎาคมนี้ เตรียมเปิดจังหวัดภูเก็ตให้สามารถรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนได้โดยไม่ต้องกักตัวนั้น รัฐบาลมีความพร้อมในการสร้างความรู้ความเข้าใจและความมั่นใจให้กับประชาชนมากน้อยแค่ไหน เพราะทราบมาว่าบุคลากรทางการแพทย์ในการรองรับการฉีดวัคซีนไม่เพียงพอ อีกทั้งประชาชนชาวภูเก็ตยังมาลงทะเบียนฉีดวัคซีนต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา มีประชาชนมาลงทะเบียนเพื่อฉีดวัคซีนเพียง 15,100 คนเท่านั้น จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าก่อนเทศกาลสงกรานต์จะต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 50,000 คน
ทั้งนี้ที่ผ่านมาผู้ประกอบการภูเก็ตได้เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือมาตั้งแต่ก่อนการระบาดระลอกล่าสุดแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง จนในที่สุดทำให้คนภูเก็ตกลายคนจนอย่างเฉียบพลัน จากที่เคยมีรายได้เดือนละ 30,000 บาทต่อคน ลดเหลือเดือนละ 1,300-1,900 บาทต่อคน ซึ่งต่ำกว่าเส้นความยากจนของภูเก็ตซึ่งอยู่ที่เดือนละ 3,068 บาทต่อคน จึงมีความเป็นห่วงว่าจังหวัดที่มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยวก็คงตกอยู่ในสภาพไม่แตกต่างกัน
รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา ศบค.ถนัดรวบอำนาจ แต่บริหารไม่เป็น เพราะหากรัฐบาลจะเปิดการท่องเที่ยวในจังหวัดที่สร้างรายได้เข้าประเทศ ศบค.ควรยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดที่จะเปิดการท่องเที่ยว หรือควรจำกัดการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงสุด หรือพื้นที่สีแดงที่ยังพบการระบาดรุนแรงอยู่เท่านั้น เพื่อให้ประเทศกลับมามีรายได้จากการท่องเที่ยวโดยเร็ว