“คาราวานเพื่อไทย” ปักหมุดลงพื้นที่เชียงใหม่ที่แรก ผนึกท้องถิ่นระดมสมองแก้ฝุ่นพิษ-ไฟป่า เตรียมเดินหน้าผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด เข้าสภาฯอีกรอบ พร้อมยกระดับการแก้ปัญหาสู่เวทีนานาชาติ

(30 มีนาคม 2564) คาราวานพรรคเพื่อไทย นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย , นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค , นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยแกนนำพรรค ส.ส.เชียงใหม่ ทีมเศรษฐกิจ ทีมนโยบาย ทีมงานโฆษกพรรค ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับฟังปัญหาและระดมแนวทางการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาประสบปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 และขณะนี้ยังมีปัญหาใหญ่คือเรื่องฝุ่นพิษ PM 2.5 และไฟป่า โดยเป็นการประสานความร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (อบจ.) ภาคธุรกิจและภาคประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ จัดการเสวนาเพื่อหาทางออกร่วมกัน ในหัวข้อ “ร่วมมือกันฝ่าวิกฤติฝุ่นพิษและการท่องเที่ยวเชียงใหม่” ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คาราวานเพื่อไทย ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นที่แรก เพื่อรับฟังปัญหาและความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนโดยตรง เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่ประสบปัญหาเศรษฐกิจและฝุ่นพิษ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ จึงจะมาช่วยกันระดมสมองขอความเห็นนักวิชาการและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเพื่อหาทางแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน โดยข้อมูลที่ได้รับในวันนี้จะจัดทำเป็นข้อสรุปเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่มี ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทยเป็นตัวแทนอยู่ ดังนั้นพรรคจึงต้องการประสานความร่วมมือกับท้องถิ่นขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษ เมื่อได้ข้อคิดเห็นจากทุกฝ่ายแล้ว จะใช้เชียงใหม่เป็นต้นแบบในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป

นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การขับเคลื่อนคาราวานเพื่อไทย เป็นการทำงานเชิงรุกพบปะประชาชนทั่วประเทศ ทั้งกลุ่มวิชาชีพ นักวิชาการ และครอบครัวของชาวเพื่อไทย เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับหน่วยงานและองค์กรระดับชาติ โดยพรรคเพื่อไทยมีโครงข่ายการทำงานระดับชาติ ทั้ง ส.ส., กมธ.และคณะทำงานชุดต่างๆ ซึ่งมีความพร้อมที่จะสนับสนุนช่วยเหลือและยกระดับการแก้ไขปัญหา เมื่อพรรคมีโอกาสบริหารประเทศอีกครั้ง จะสามารถบริหารงานบนความต้องการของพี่น้องประชาชนได้ทันที

ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นพิษกับเศรษฐกิจของชาวเชียงใหม่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ที่ผ่านมาทั้งสองประเด็นปัญหาสร้างผลกระทบให้กับชาวเชียงใหม่จนเป็นแบรนด์ฝังอยู่กับจังหวัด หากไม่แก้ไขจะกลายเป็นปัญหาหนักโดยเฉพาะกับภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องดำเนินการในมิติของส่วนกลางที่เป็นภาครัฐ และมิติของท้องถิ่นไปพร้อมกัน

“ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่ประชาชนได้เข้าชื่อเสนอกฎหมายแต่ ครม. โดยนายกรัฐมนตรีมีบัญชาให้ตีตก โดยอ้างว่าเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน ซึ่งน่าเสียดาย แต่พรรคเพื่อไทยไม่ย่อท้อ จะเดินหน้ารวบรวมรายชื่อ ส.ส.เสนอกฎหมายฉบับนี้ต่อสภาอีกครั้ง” นายจุลพันธ์กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ภาครัฐต้องมีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาการเผาจากการเกษตร ซึ่งมีสาเหตุจากการที่เกษตรกรไม่มีต้นทุนและทางเลือกในการประกอบอาชีพ โดยไม่โยนภาระไปให้เกษตรกร ซึ่งกระบวนการภาครัฐวันนี้ยังเป็นเชิงรับ โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณสำหรับป้องกันปัญหายังน้อยเกินไป งบประมาณส่วนใหญ่ถูกจัดสรรสำหรับแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ในส่วนของท้องถิ่นนั้นจังหวัดโดยการนำของ อบจ. ต้องริเริ่มโครงการเพื่อแก้ปัญหา ให้เป็นตัวอย่างให้พื้นที่อื่นได้ปฏิบัติตาม รวมไปถึงการสร้างทีมเฉพาะกิจในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อแก้ปัญหาให้รวดเร็วและปิดช่องว่างความล่าช้าของภาครัฐจากส่วนกลาง รวมไปถึงการเพิ่มอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับดับไฟป่าให้ผู้ปฏิบัติงาน ส่วนมิติของหมอกควันข้ามแดน จะต้องทำให้ประเทศสมาชิกเห็นความสำคัญของปัญหาร่วมกันด้วย

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความคืบหน้าการผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด แม้จะถูกตีตกไปแล้ว แต่พรรคเพื่อไทยจะยื่นร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้กลับเข้าสู่การพิจารณาของสภาอีกครั้งหลังเปิดสมัยสามัญประชุม ขณะที่คณะทำงานการต่างประเทศของพรรค จะเดินหน้าผลักดันเรื่องกองทุนปรับหน้าดิน เกษตรพันธสัญญาและการชดเชยจากการลดการเผาให้กับเกษตรกร เพื่อนำไปสู่การเสนอเป็นนโยบายผ่านทุกกระบวนการที่มีอยู่ด้วย

นอกจากการแก้ไขปัญหาการเผาในประเทศซึ่งเป็นสาเหตุของฝุ่นควันในภาคเหนือประมาณร้อยละ 25 ส่วนอีกร้อยละ 75 มาจากฝุ่นควันข้ามพรมแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยอ้างอิงจากพื้นที่การเพาะปลูกในเมียนมา มี 8.4 ล้านไร่ ลาว 7.4 แสนไร่ ส่วน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน มีไม่ถึง 3 ล้านไร่ ในฐานะ กมธ.การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร จะผลักดันการหาทางออกในระดับอาเซียนผ่านที่ประชุมสหภาพรัฐสภา (IPU) , สมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) , อาเซียนบวก 3 ,อาเซียนบวก 6 และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซป) โดยจะบรรจุวาระการแก้ไขปัญหาฝุ่นเข้าสู่ทุกการประชุมในระดับนานาชาติ เพื่อยกระดับการพูดคุยหาทางออกในกรอบอาเซียนให้มากขึ้น

ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาฝุ่นควันในเชียงใหม่ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขไปพร้อมกับปัญหาการระบาดของโควิด-19 ที่กระทบกับการท่องเที่ยว ดังนั้นจึงจะต้องผลักดันแนวคิดวัคซีนพาสปอร์ตและนโยบาย 1 ตำบล 1 แลนด์มาร์ค เพื่อเตรียมความพร้อมกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ไปพร้อมกันด้วย

“พวกเราขับเคลื่อนอยู่ตลอด เราเล็งเห็นถึงความสำคัญถึงความสุขและปากท้องของคนเชียงใหม่อย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นการที่เรามี อบจ.ทั้งคณะ และ ส.ส. บูรณาการการทำงานร่วมกันและจะผ่านพ้นปัญหานี้ไปด้วยกันได้” นายจักรพลกล่าว

ด้านนายพิชัย เลิศพงค์อดิศร นายก อบจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การอาสาเข้ามาบริหาร อบจ.เชียงใหม่ ได้ประสานความร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาถือว่าเป็นมิติใหม่ของพรรคและท้องถิ่น สำหรับปัญหาที่ตัวแทนพี่น้องชาวเชียงใหม่ที่ได้เสนอแนะในวันนี้ จะรับพิจารณาและดำเนินการโดยเร็วที่สุด