รองโฆษกเพื่อไทย ชี้รัฐคิดขึ้นภาษีแวตช่วงที่คนไทยทุกข์ยากรังแกประชาชน จี้รัฐขึ้นภาษีคนรวยให้สำเร็จก่อน
(31 มีนาคม 2564) นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมาที่ให้มีการศึกษาขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพื่อช่วยพยุงสถานการณ์ทางการคลังของรัฐที่ไม่สามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้า แต่มีความจำเป็นต้องใช้เงินเยียวยาประชาชนจากผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 นั้น ถือเป็นกระบวนการคิดของรัฐที่รังแกประชาชน นอกจากจะหารายได้ไม่เป็นแล้วยังขูดรีดคนจนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก ลำพังเพียงเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็ยังไม่เพียงพอ คนจำนวนมากยังตกงาน ยังมาถูกซ้ำเติมจากรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพ การหารายได้ด้วยการปรับขึ้นภาษีแวตในตอนนี้ นอกจากจะไม่ใช่ทางออกที่ดีแล้ว จะยิ่งทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลงด้วย เพราะเมื่อขึ้นภาษีแวต ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคจะปรับราคาให้สูงขึ้น
รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การขึ้นภาษีแวตตามกรอบกฎหมายสามารถปรับได้สูงสุดถึง 10% จากที่ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่ 7% แต่ตามหลักการแล้วการขึ้นภาษีจะทำได้ก็ต่อเมื่อเศรษฐกิจเติบโต ในหลายรัฐบาลที่ผ่านมา แม้จะมีโอกาสในการปรับขึ้นภาษีได้ตามกรอบของกฎหมาย แต่เลือกที่จะไม่ปรับขึ้นภาษี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนจากผลกระทบทางเศรษฐกิจในช่วงนั้น ในทางตรงกันข้ามรัฐบาลชุดนี้ยังไม่สามารถจัดเก็บภาษีคนรวยได้ อย่างภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กลับได้รับการขยายระยะเวลาการลดอัตราการเก็บ 90% ต่อเนื่องจากปี 2563 ไปถึงรอบปี 2564 ไปอีก 1 ปี แสดงว่ารัฐบาลชุดนี้ถนัดแต่รังแกคนจน อุ้มชูนายทุน
ส่วนการที่นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มองว่าการขึ้นภาษีแวตเป็นเรื่องจำเป็นและควรต้องทำ อย่ากลัวประชาชนคัดค้าน เพราะจะสามารถนำรายได้ไปเพิ่มสวัสดิการให้ประชาชนได้ ถือเป็นการให้ข้อมูลผ่านความคิดที่ตื้นเขิน ไม่เข้าใจโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่มีความเหลื่อมลํ้าสูง การหารายได้ของรัฐมีทางเลือกที่หลากหลาย แต่กลับไม่ดำเนินการเพราะคิดไม่ได้ ทำไม่เป็น
“การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ซ้ำเติมคนจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศให้ยิ่งจนและมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการรอการเยียวยาจากรัฐ ผมว่าหนักกว่าวิกฤตเศรษฐกิจคือวิกฤตผู้นำประเทศที่ทำได้แต่รังแกประชาชน” นายชนินทร์ กล่าว