“ภูมิธรรม” ชี้ กรณีศาลปกครองกลางเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้ 3.5หมื่นล้านบาท อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตรพ้นมลทินแล้ว ควรต้องรีบคืนความยุติธรรมให้เร็วที่สุด

(4 เมษายน 2564) นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยและเลขานุการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำวินิจฉัยเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่สั่งให้อดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องชดใช้ค่าเสียหายกรณีโครงการรับจำนำข้าวนั้นว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฏหมาย ดังนั้นจึงควรคืนความยุติธรรมให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมีข้อความดังนี้

“ศาลปกครองกลางคืนความยุติธรรมให้อดีตนายก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่1351/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค.2559 ซึ่งให้อดีตนายกฯ ต้องชดใช้สินไหมทดแทนเป็นเงิน 35,000ล้านบาท และให้เพิกถอนคำสั่งของกรมบังคับคดี ที่ออกคำสั่งหรือประกาศใดๆ ที่ดำเนินการ เกี่ยวกับการยึดอายัดและการขายทอดตลาดทรัพย์สินของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ โดยศาลชี้ว่า คำสั่งที่เอาผิดนายกฯยิ่งลักษณ์ เป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง คำวินิจฉัย ชี้ชัดว่า อดีตนายกฯ ไม่ต้องรับผิดในคดีรับจำนำข้าว คำสั่งกระทรวงการคลังไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่เป็นธรรมแก่นายกยิ่งลักษณ์ ไม่มีพยานหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นว่านายกยิ่งลักษณ์ เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว อีกทั้งโครงการรับจำนำข้าว เป็นโครงการที่ได้ดำเนินการตามที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา ถือเป็นนโยบายสาธารณะขนาดใหญ่ ใช้เงินมาก แต่ก็ยังดำเนินการอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง ที่ผ่านการตรวจสอบ และ การวิเคราะห์ ดูแลของหน่วยงานระดับชาติ เช่น สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง ซึ่งถือได้ว่าได้ดำเนินการภายในกรอบวงเงินที่ขอไว้ อย่างถูกต้อง อีกทั้งถือเป็นการดำเนินการในฐานะผู้กำหนดนโยบาย ที่ได้รับการสนับสนุนผ่านการเลือกตั้งมาจากประชาชน

เห็นได้ชัดเจนว่าการพยายามเอาผิดอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในเรื่องดังกล่าวเป็นการกระทำที่ พยายามใช้เป็นข้ออ้าง เพื่อเข้ามายึดอำนาจ ในปี 2557 โดยมุ่งหวัง ทำลาย รัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

การดำเนินการเอาผิดและยึดอายัดทรัพย์สินของอดีตนายกฯ นั้น เป็นการ กระทำที่เร่งรัดเร่งรีบถึงขนาดใช้มาตรา44ออกมาคุ้มครองเจ้าหน้าที่โดยเหตุที่ฝ่ายราชการประจำ ทราบแต่เบื้องต้นแล้วว่า ไม่เคยมีแนวทางแนวปฏิบัติให้กระทำเช่นนี้มาก่อน แต่รัฐบาลฝ่ายผู้มีอำนาจ ก็พยายามจัดการถึงขนาดมีรายงานการประชุมออกมาว่าไม่ต้องคำนึงถึงความยุติธรรม การใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ซึ่งเป็นอำนาจล้นพ้นของผู้กระทำรัฐประหาร ออกเป็นคำสั่งเพื่อให้ นิรโทษกรรม ล่วงหน้า เพื่อช่วยฝ่ายราชการ ที่ดำเนินการยึด อายัดทรัพย์ในครั้งนี้ ให้พ้นผิด เรื่อง”การละเมิด” หากมีการฟ้องร้องเอาผิด

กรณีนี้จึงถือเป็นการกระทำที่มิชอบของผู้มีอำนาจอย่างแท้จริง เป็นการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบและขาดสำนึกทางจริยธรรม ดังนั้นผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบควรต้องทำสิ่งผิดพลาดที่ผ่านมาแล้วให้ถูกต้อง

ความยุติธรรมในบ้านเมืองเราถูกตั้งคำถามเรื่องสองมาตรฐาน ที่ไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายมาเป็นเวลานานนับตั้งแต่มีการรัฐประหาร

ความเสียหายจากทำลายหลักการนิติธรรม นั้นส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการกระทำต่อผู้นำรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงต้องคืนความยุติธรรมให้ผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบโดยเร็ว ดีกว่าพยายามจะดันทุรังและคิดหาเหตุผลแก้เกี้ยวไม่รู้จบ เพื่อพยายาม อธิบายการกระทำ ที่ผิดพลาดในอดีตที่ผ่านมา คิดผิด คิดใหม่ได้ สง่างามกว่าการดันทุรัง หาแง่มุมทางกฎหมาย มาอธิบายเพื่อปกป้องการกระทำที่บิดเบือนหลักการที่ถูกต้องหยุดบิดเบือนกฎหมายเพื่อกลบเกลื่อนความผิดที่เคยกระทำประเทศเราเสียหาย ด้วยการกระทำเช่นนี้มามากพอแล้ว

ภูมิธรรม เวชยชัย
ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
และเลขานุการ ผู้นำฝ่ายค้าน
ในสภาผู้แทนราษฎร
4 เมษายน 2564″