โฆษกเพื่อไทย ชี้ระบบสาธารณสุขไทยพังเพราะประยุทธ์คุมโควิดไม่ได้ ซ้ำร้ายโรงพยาบาลเอกชนเมินตรวจเชื้อกลัวรัฐไม่จ่ายลอยแพประชาชน แนะใช้โมเดลญี่ปุ่นจัดระเบียบ

(9 เมษายน 2564) ผศ.ดร.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีคลัสเตอร์ทองหล่อที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างรวดเร็ว จนปรากฏเป็นภาพประชาชนแตกตื่นไปต่อคิวเพื่อรับการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลเอกชนจำนวนมาก จนโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง ออกมาประกาศหยุดรับการตรวจเชื้อโควิด-19 เนื่องจากน้ำยาหมด นอกจากนี้ยังปรากฏภาพประชาชนย่านทองหล่อไปต่อคิวเพื่อรับการตรวจหาเชื้อที่อารีนาเท็น ทองหล่อ ซอย 10 จำนวนนับพันคน ไม่มีการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพราะความหวาดกลัวว่าจะติดเชื้อ จึงมีความเสี่ยงว่าจากที่ประชาชนบางคนไม่ได้ติดโควิดมาก่อน อาจจะได้รับเชื้อจากการต่อคิวเพื่อตรวจเชื้อก็เป็นได้

โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมาก รัฐบาลไม่เคยเรียนรู้จากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วนำมาพัฒนาการป้องกันและรับมือ ทุกครั้งที่มีการระบาดจากคลัสเตอร์ใหม่ ตั้งแต่ตลาดกลางกุ้ง ตลาดบางแค จนมาถึงทองหล่อ ยังไม่มีการปรับปรุงการตรวจหาเชื้อที่ดีพอ ไม่มีการประสานขอความร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชนซึ่งถือว่าสำคัญมากในสถานการณ์นี้ เพราะโรงพยาบาลเอกชนมีเครือข่ายกระจายตัวอยู่ทุกพื้นที่ แต่ท่าทีโรงพยาบาลเอกชนขณะนี้อาจมีความกังวลกับภาระค่าใช้จ่าย สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการปิดช่องทางการรักษาและการมีชีวิตรอดของประชาชน รัฐบาลควรเร่งเจรจากับภาคเอกชนอย่างเร่งด่วนในการร่วมมือกันตรวจหาเชื้อ แต่หากคิดไม่ได้ก็ควรนำเอาวิธีการของต่างประเทศมาปรับใช้ เช่น ที่ญี่ปุ่น หากสงสัยว่าติดเชื้อ ประชาชนจะต้องโทรหาศูนย์สาธารณสุข เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าอยู่เขตใด และควรไปโรงพยาบาลใด หากอาการไม่รุนแรง รัฐบาลสั่งให้กักตัวที่บ้าน เพื่อให้เตียงของโรงพยาบาลเพียงพอกับการรักษาผู้ป่วยหนัก ซึ่งวิธีการนี้ญี่ปุ่นใช้มาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน จนประชากรในประเทศมีความเชื่อมั่นและออกมาใช้ชีวิตตามปกติ

“ระบบสาธารณสุขไทยที่ถูกวางรากฐานไว้อย่างเข้มแข็งกำลังจะพังทลายลง เพราะมีรัฐบาลและหัวหน้าทีมที่อ่อนด้อยประสิทธิภาพ ยิ่งอยู่ยิ่งมีแต่ทำให้ประเทศเสื่อมถอยลงไปทุกวัน” ผศ.ดร.อรุณีกล่าว