“กฤษฎา” ห่วง เศรษฐกิจทรุดหนักจากโควิดระบาดรอบ 3 หลังไตรมาสแรกยังติดลบ เตือน ครม. เศรษฐกิจ อย่าโกหก เพราะจะไม่เหลือเครดิต แนะ หลีกทางให้คนมีความสามารถมาทำแทน
(12 เมษายน 2564) นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ สส. หนองคาย อดีตรองเลขาสภาอุตสาหกรรม และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาเตือนว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปีนี้จะยังคงหดตัวติดลบ ทั้งที่ไตรมาสแรกของปีที่แล้วเศรษฐกิจไทยได้ติดลบแล้วถึง -1.8% แสดงถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจไทย ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศอื่นในปีนี้ต่างขยายตัวกันหมด ซึ่งสะท้อนถึงความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจซ้ำซ้อนของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ อีกทั้งในไตรมาสสองนี้แทนที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้เพิ่มก็ต้องมาเจอกับการระบาดของไวรัสโควิดระลอก 3 ซึ่งทำท่าจะรุนแรงกว่า 2 ครั้งแรก และยังเป็นไวรัสสายพันธุ์อังกฤษทึ่ระบาดได้ง่ายกว่าเดิมถึง 1.7 เท่า ซึ่งจะให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 จะไม่สามารถจะฟื้นตัวได้อย่างที่คาดหมายอีก และจะทำให้เศรษฐกิจไทยไม่มีทางที่จะขยายตัวได้ 4 % ตามที่พลเอกประยุทธ์คุยโวไว้เองก่อนหน้านี้ แถมเศรษฐกิจไทยยังจะขยายตัวได้ต่ำเตี้ย และอาจจะถึงขนาดติดลบอีกได้ ถ้าพลเอกประยุทธ์ไม่สามารถหยุดยั้งการระบาดของไวรัสโควิดครั้งใหม่นี้ได้โดยเร็ว
จากข้อมูลที่ได้รับทราบว่า การระบาดครั้งนี้ เกิดมาจากแหล่งสถานบันเทิงในเขตทองหล่อที่ประชาชนเชื่อกันว่าน่าจะผู้ใหญ่ในรัฐบาลระดับรัฐมนตรีและอาจมีบางคนที่เป็นถึงรองนายกฯ ได้เข้าไปใช้บริการจนทำให้เกิดเป็นการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ แต่คนที่เป็นข่าวต่างก็ได้ปฏิเสธ ทั้งที่มีคนออกมาเปิดเผยหลายคน รวมถึง สส. พรรคภูมิใจไทย ที่ย้ายไปจากพรรคอนาคตใหม่ ก็ได้ยืนยันว่าได้ไปสถานที่บันเทิงดังกล่าวพร้อมกับรัฐมนตรีด้วย ผลกระทบทำให้รัฐมนตรีกว่า 10 คนต้องกักตัว และ สส. อีกเกือบร้อยคนก็ต้องกักตัวเช่นกันซึ่งทำให้การบริหารประเทศ และ ระบบนิติบัญญัติต้องหยุดชะงัก
นอกจากนี้ ยังมีนักการทูตระดับสูงของประเทศญี่ปุ่นที่มีข่าวว่าได้ติดไวรัสโควิดก็ยังออกมายอมรับเองว่าได้ติดไวรัสโควิดมาจากการไปสถานบันเทิงในบริเวณทองหล่อนี้ แต่ไม่ได้แจ้งว่าไปกับใครบ้าง ดังนั้น หากผู้ใหญ่ในรัฐบาลยังไม่ยอมสารภาพความจริงและต่อมาปรากฎภายหลังว่าได้มีการไปจริง จะทำให้เกิดความเสื่อมเสีย และเสียหายต่อความน่าเชื่อถืออย่างมาก โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในรัฐบาลที่ต้องดูแลเรื่องเศรษฐกิจทึ่ต้องการความน่าเชื่อถือในระดับสูง ซึ่งหากภายหลังพบว่ามีการไปจริง ทั้งที่เจ้าตัวปฏิเสธ จะทำให้หมดเครดิต ความน่าเชื่อถือจะไม่มีเหลืออีกต่อไป เพราะขนาดเรื่องแค่นี้ยังกล้าโกหก เรื่องอื่นๆคงไม่มีใครเชื่อแล้วว่าจะไม่โกหกกันอีก การบริหารประเทศเพื่อฟื้นเศรษฐกิจคงจะทำได้ยากหรือน่าจะทำไม่ได้เลย โดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้แถลงข่าวอย่างมั่นใจมากว่า มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลมากกว่า 1 คนไปสถานบันเทิงในเขตทองหล่อนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุของการแพร่กระจายไวรัส ขนาด นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นยังเรียกร้องให้มีการตรวจสอบจริยธรรมนักการเมืองที่เป็นเข้าสถานบันเทิงนี้ และเป็นสาเหตุทำให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักครั้งนี้
การระบาดครั้งนี้ถูกเรียกว่าเป็น “ติดคนรวยซวยคนจน” ได้ขยายตัวในวงกว้างกว่า 60 จังหวัดแล้ว และได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง ประชาชนที่มีรายได้น้อยที่ลำบากกันอย่างมากอยู่แล้วต้องลำบากกันเพิ่มขึ้น การท่องเที่ยวที่หวังจะได้รายได้ช่วงสงกรานต์ต้องฝันสลาย เศรษฐกิจไทยที่หวังว่าไทยจะเปิดประเทศรับการท่องเที่ยว และเปิดรับธุรกิจ ต้องหมดหวังกันหมด และยังไม่รู้เลยว่าพลเอกประยุทธ์จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เมื่อไหร่ โดยหลังจากที่ถูกตำหนิเรื่องความล่าช้าและความไม่มีประสิทธิภาพในการจัดหาและการกระจายการฉีดวัคซีน พลเอกประยุทธ์เพิ่งจะยอมประกาศให้โรงพยาบาลเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนเองได้ ทั้งที่ควรอนุญาตก่อนหน้านี้นานแล้ว
ความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนมากเพิ่มแล้วเพิ่มอีก แสดงถึงความไร้ประสิทธิภาพและไร้ความสามารถของพลเอกประยุทธ์และรัฐบาล ซึ่งแสดงให้เห็นชัดว่าพลเอกประยุทธ์ไม่ได้มีความสามารถเพียงพอในการบริหารประเทศไทยในภาวะวิกฤตินี่แล้ว ยิ่งบริหารต่อไปประเทศไทยจะยิ่งเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ และประชาชนจะยิ่งลำบากจนไม่สามารถจะทนกันได้อีกต่อไปได้แล้ว ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้สำนึกและเห็นสภาพความจริงที่ล้มเหลวอย่างมากในปัจจุบันและอย่าได้ดื้อรั้นพาประเทศลงเหวต่อไปอีกเลย น่าจะต้องหลีกทางให้กับคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารประเทศแทนได้แล้ว