“หมอกิตติศักดิ์” ชี้เลวร้าย รัฐใช้วัคซีนโควิดเพื่อประโยชน์การเมือง บริหารจัดการวัคซีนล้มเหลวฉีดให้คนไทยได้เพียง 3 แสนคน จาก 76 ล้านคน

(12 เมษายน 2564) นายแพทย์ กิตติศักดิ์ คณาสวัสด์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด สายพันธ์ใหม่ในประเทศไทยน่าเป็นห่วงมาก ทั้งนี้เพราะมีอัตราการติดเชื้อใหม่เร็วขึ้น และเราต้องอยู่กับโควิดอีกนาน ซึ่งคนไทยต้องปรับตัวอยู่กับมันให้ได้ รวมทั้งต้องป้องกันตัวเอง ในขณะที่รัฐบาลต้องมีมาตรการที่รัดกุม ไม่ให้กระทบกับคนทำมาหากินที่ไม่เกี่ยวข้อง การปิดเมืองแบบเหวี่ยงแห สร้างผลกระทบกับเศรษฐกิจในภาพรวมอย่างแน่นอน ในส่วนของการกระจายวัคซีน รัฐบาลดำเนินการช้ามาก รัฐบาลจองวัคซีนไป 63 ล้านโดส เทียบเท่ากับประชากรเพียง 31.5 ล้านคน ไม่ครอบคลุมจำนวนประชากร รัฐบาลดำเนินการเรื่องการจัดหาวัคซีนน้อยมาก หากเทียบกับงบประมาณ ที่รัฐบาลใช้กับการจัดซื้ออาวุธ ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาลจัดลำดับความสำคัญไม่เป็น ทั้งนี้หากรัฐบาลจัดการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้มากกว่านี้ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ในระดับหนึ่ง

นายแพทย์ กิตติศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ถึงเวลานี้รัฐบาลสามารถจัดให้มีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เพียง 300,000 คน หรือ ร้อยล่ะ 0.3 จากจำนวนประชากรทั้งหมด น้อยกว่ากัมพูชาและน้อยกว่าพม่า ที่แม้จะมีปัญหาการเมืองในประเทศแต่กลับมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้มากกว่าไทย สะท้อนว่ารัฐไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการวัคซีนให้ได้ประโยชน์กับประชาชน

“กรณีที่เกิดขึ้น ปัญหาเกิดมาจากรัฐผูกขาดการนำเข้าวัคซีน เพื่อประโยชน์ทางการเมืองเพียงอย่างเดียว หากเปิดให้เอกชนที่มีความพร้อม นำเข้าวัคซีนเพื่อบริการประชาชนจะช่วยคนไทยได้มากกว่าที่เป็นอยู่ แม้ล่าสุดจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้เป็นที่คาดหวังว่าจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะสุดท้ายพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นคนตัดสินใจอยู่ดี ผลที่ออกมาเพราะรัฐหวังเอาหน้ากับประชาชน การนำวัคซีนโควิดมาหาประโยชน์จากการเมือง เอาชีวิตคนไทยมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เป็นความคิดที่เลวร้ายมาก”นายแพทย์ กิตติศักดิ์ กล่าว