“ยุทธพงศ์” ฟ้องประชาชน จับตาประชุมครม. พิจารณาร่างงบประมาณปี 65 ว่าจะมีงบประมาณเรือดำน้ำซ่อนอยู่หรือไม่

(18 เมษายน 2564) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี แถลงข่าว กรณีสถานการณ์โควิด การประชุมครม.เรื่องงบประมาณประจำปี 2564 และแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนายยุทธพงศ์ เริ่มต้นกล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดไวรัสโควิดในช่วงสงกรานต์โดยวันนี้มีการระบาดหลักพันคนต่อวัน และเริ่มมีปัญหาว่าผู้ป่วยติดเชื้อถูกปฏิเสธไม่รับรักษาด้วยเหตุผลว่าผู้ป่วยเต็มจนล้นโรงพยาบาลจนต้องถูกส่งต่อไปโรงพยาบาลสนามตามยถากรรม โดยมีคลัสเตอร์ทองหล่อเป็นจุดแพร่เชื้อ จึงอยากเรียกร้องให้แต่งตั้งสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดปล่อยปละละเลย จนทำให้เกิดโรคระบาด อีกทั้งพรรคเพื่อไทยขอเสนอแนวทางการแก้ปัญหาโรคระบาดโควิดดังนี้คือ รีบนำเข้าวัคซีนโควิดมาฉีดให้ประชาชนโดยด่วนที่สุด และควรมีมาตรการเยียวยาประชาชน ยกตัวอย่างปีที่แล้วประชาชนยังได้รับเงินเยียวยาคนละ 5 พันบาท 3 เดือน แต่ปีนี้ประชาชนได้รับกันประมาณแค่ 7 พันบาทและยังไม่ได้อย่างทั่วถึง รวมถึงมาตรการปิดสถานบริการจำนวนมากที่ทำให้ประชาชนต้องตกงาน พรรคเพื่อไทยจึงต้องใช้เวทีประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยประชุมสมัยสามัญ ครั้งที่ 1/2564 ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ถึงวันที่ 18กันยายน 2564 โดยจะมีวาระประชุมสำคัญคือวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วาระ 1 ซึ่งกำหนดวันที่ 27-28 พฤษภาคม ซึ่งพรรคฝ่ายค้านจะสามารถใช้ช่วงพิจารณางบประมาณอภิปรายได้ถึงความล้มเหลวด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ สังคม และท่องเที่ยว โดยพรรคเพื่อไทยจะจับตาดูว่า ร่างงบประมาณที่จะต้องเข้า ครม.ก่อนวันที่ 10 พฤษภาคม นี้ก่อนที่จะผ่านไปที่ประชุมสภาว่าจะมีเรื่องงบประมาณเรือดำน้ำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนหรือไม่


กรณี พ.ร.บ.ประชามติฯ ที่ค้างพิจารณาจากสมัยประชุมวิสามัญ ฯ ที่ผ่านไป และต้องเลื่อนไปประชุมอีกครั้งในเดือนมิถุนายนนี้ พรรคเพื่อไทย มีแนวทางยืนยันแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ด้วยการตั้ง สสร. ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 40 เพราะมีเนื้อหาที่ดีที่สุดฉบับหนึ่ง ได้รับการยอมรับจากประชาชน ซึ่งถ้าถามว่ายังมีโอกาสไหม ก็ต้องบอกว่าประชาชนก็ยังมีโอกาสด้วยการเข้าชื่อเสนอด้วยจำนวน 5 หมื่นรายชื่อ หรือไม่ก็เสนอแก้เป็นรายมาตราอย่างที่พรรคการเมืองบางพรรคช่วยกันเสนอให้รัฐสภาเป็นต้น