“ปิยวัฒน” แนะรัฐบาล เปิดใจกว้างรับฟังทุกคำแนะนำ อย่ากลัวเสียหน้าถ้าเอกชนจะทำงานได้ดีกว่าแต่ให้มองว่าประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด

 (21 เมษายน 2564)  นายปิยวัฒน พันธ์สายเชื้อ ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรอบที่เป็นการระบาดที่เร็วมาก ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐ ปล่อยปละละเลยให้มีการทำผิดกฎหมาย ปล่อยให้เกิดการระบาดของไวรัสโควิดในสถานบันเทิง ซึ่งจากการรายงานของหน่วยงานรัฐพบว่า ผู้ติดเชื้อคลัสเตอร์สถานบันเทิง ในช่วงเดือนเมษายนมีจำนวนมากถึง 6,020 ราย ถือเป็นตัวเลขที่สะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาลในการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิดในประเทศไทย

     ดังนั้นการแก้ปัญหาการระบาดโควิดในประเทศไทย ดีที่สุดคือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องเปิดใจให้กว้าง รับฟังทุกฝ่าย ไม่ควรดึงดันคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด นอกจากนี้การเปิดให้เอกชนช่วยหาวัคซีนเพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าในการฉีดวัคซีนของรัฐคือวิธีการที่ดีที่สุด ไม่ควรตั้งคณะกรรมการจัดหาวัคซีนเพื่อถ่วงเวลา เพราะไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน ทั้งนี้รัฐบาลรู้อยู่แล้วว่าปัญหาของวัคซีนในประเทศไทยคืออะไร รัฐบาลต้องแก้ปัญหาและข้อกฎหมายเพื่อเปิดทางออกให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการจัดหาวัคซีนเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน พฤติกรรมของพลเอกประยุทธ์เหมือนกลัวรัฐบาลเสียหน้าหากเอกชนทำงานได้ดีกว่ารัฐบาล

     นายปิยวัฒน  กล่าวด้วยว่า ถึงเวลานี้ประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในตัวพลเอกประยุทธ์และรัฐบาลแล้ว นอกจากนี้การออกมาสื่อสารถึงประชาชนเรื่องการแก้ไขโควิด ยิ่งฟังยิ่งสับสน เพราะพลเอกประยุทธ์พูดไม่รู้เรื่อง ไม่สามารถสื่อสารให้ประชาชนรับทราบได้ การออกมายอมรับว่ารัฐบาลดำเนินการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้น้อยมาก ยิ่งทำลายความหวังของประชาชน ทั้งนี้การบริหารวัคซีนยิ่งล่าช้าก็จะทำลายเศรษฐกิจประเทศต่อไป

     “ปัญหาที่เกิดขึ้นกระทบกับสภาพเศรษฐกิจไทยหนักมาก ทุกวันนี้การทำการค้า การลงทุนเงียบมากในพื้นที่เศรษฐกิจทั้งประเทศนิ่งสนิท คนไม่กล้าออกมาซื้อสินค้า การบริหารสถานการณ์โควิดที่ล้มเหลวของรัฐบาล ส่งผลให้ประชาชนเกิดความหวาดระแวงในการออกจากบ้าน ถึงเวลานี้พลเอกประยุทธ์ไม่เคยโทษตัวเองว่าไร้ประสิทธิภาพ ไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผลที่ตามมาคือคนไทยทั้งประเทศกำลังรับกรรมที่เขาไม่ได้ก่อ แต่รัฐบาลกลับไม่เหลียวแลความเป็นอยู่ของประชาชน สุดท้ายยิ่งพลเอกประยุทธ์อยู่นานประชาชนยิ่งแย่หนักขึ้น” นายปิยวัฒน กล่าว