“รังสรรค์”ชี้คนจนทำใจ รัฐลอยแพปล่อยตายคาบ้านเมินช่วยเหลือ เผยราคาหน้ากากอนามัยปรับขึ้น 3 เท่า รัฐหมดปัญญาคุมราคาทำประชาชนเสียเงินเพิ่ม
(27 เมษายน 2564) นายรังสรรค์ มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดลำพูนเริ่มรุนแรงขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวันจากหลัก10 คนเป็นหลัก100 คนในเวลาเพียง 7 วัน ถือว่ารุนแรงมาก ทั้งนี้เพราะพื้นที่จังหวัดลำพูน ติดกับ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ระบาดหนักมาก อีกทั้งคนในพื้นที่ลำพูนไปทำงานที่เชียงใหม่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงอาจจะมีการติดเชื้อมาที่ลำพูน
ที่ผ่านมาทางทีมงานพรรคเพื่อไทยจังหวัดลำพูน ได้จัดอุปกรณ์ในการปกป้องชีวิตประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งหน้ากากอนามัย เจลแอลกอร์ฮอลล้างมือ บางส่วนมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ผู้นำหมู่บ้านและอสม. เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ เพราะต้องการแบ่งเบาภาระให้ประชาชน ทั้งนี้จากมาตรการที่รัฐบาลออกมาคือใครไม่ใส่หน้ากากอนามัยออกจากบ้านจะถูกปรับเงิน ในขณะที่ราคาหน้ากากอนามัยปรับราคาขึ้นไปมากกว่า 3 เท่า จากเดิมราคา 3 กล่อง 100-120 บาท หลังรัฐมีมาตรการบังคับใส่หน้ากาก ราคาปรับขึ้นเป็นกล่องละ 100 บาท
นายรังสรรค์ กล่าวด้วยว่า ก่อนที่รัฐจะออกมาตรการบังคับให้ประชาชนต้องป้องกันตัวเองอย่างรัดกุมที่สุด รัฐต้องนำงบประมาณมาซื้ออุปกรณ์ในการปกป้องให้ชีวิตประชาชนก่อน การออกมาตรการเช่นนี้เป็นการเปิดทางให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสในการปรับราคาสินค้าที่จำเป็นได้ เหมือนรัฐเอื้อประโยชน์ให้เอกชนในการสร้างกำไรมหาศาล
“รัฐบาลไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติว่าด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 47 ที่บัญญัติ ว่า บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่รัฐบาลนี้ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ คนจนไม่สามารถเข้าถึงการบริการด้านสาธารณสุขของรัฐได้ จากการระบาดของไวรัสโควิดครั้งนี้เห็นชัดว่า หากชาวบ้านไม่มีเงินก็นอนรอความตายอยู่ที่บ้าน เพราะรัฐเลือกลอยแพคนจน แต่คนมีเงินคนมีชื่อเสียงจะได้รับการบริการจากรัฐบาลก่อนประชาชนต้องอดทนกับรัฐบาลไร้มาตรฐานเช่นนี้อีกนานแค่ไหน” นายรังสรรค์ กล่าว